นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ(กคช.) ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เสนอ ประกอบด้วย มาตรการด้านการตลาด, ด้านราคา, การผ่อนปรนเงื่อนไขกฎระเบียบ เป็นต้น
มาตรการด้านการตลาด ให้ กคช.เสนอขายโครงการในลักษณะยกอาคาร หรือขายทั้งโครงการให้แก่หน่วยงานภาครัฐ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ได้ โดยมีเงื่อนไขให้หน่วยงานนั้นๆ ต้องดูแลจัดสรรให้แก่ข้าราชการหรือพนักงานในสังกัดที่มีรายได้น้อย รวมทั้งการขายยกโครงการให้แก่เอกชนได้ โดยให้ กคช.จ้างบริษัทประเมินราคาตลาดอย่างน้อย 2 บริษัท เพื่อกำหนดราคาขาย ทั้งนี้ราคาขายจะต้องไม่ต่ำกว่าที่ขายให้แก่ประชาชนทั่วไป
มาตรการด้านราคา ให้ กคช.สามารถปรับราคาขายโครงการบ้านเอื้ออาทรตามทำเลและศักยภาพของโครงการ รวมถึงการปรับราคาขายที่มีความแตกต่างกันภายในโครงการเดียวกันให้เหมาะสมกับโอกาสทางการตลาด และให้ กคช.พิจารณาการผ่อนผันหรือผ่อนปรนในกรณีผู้มีรายได้น้อยมีปัญหาในการผ่อนชำระ หรือค้างชำระ โดยอาจปรับเปลี่ยนรูปแบบจากการซื้อเป็นการเช่า หรือทำสัญญาในรูปแบบอื่น
ส่วนมาตรการผ่อนปรนเงื่อนไขกฎระเบียบ ให้ กคช.ขายโครงการบ้านเอื้ออาทรได้โดยไม่จำกัดจำนวนหน่วยของผู้ซื้อแต่ละราย โดยมีเงื่อนไขให้ผู้ซื้อได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐจำนวน 80,000 บาทต่อหน่วย เฉพาะ 2 หน่วยแรกเท่านั้น และให้ยกเลิกข้อจำกัดการโอนกรรมสิทธิ์บ้านเอื้ออาทร จากเดิมที่ผู้ซื้อจะโอนกรรมสิทธิ์ได้เมื่อครบ 5 ปีแล้วเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีมาตรการเพิ่มเติม โดยเห็นชอบให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) เปลี่ยนหลักเกณฑ์การนับหนี้ค้างชำระจากเดิมที่นับเป็นจำนวนวัน(90 วัน) ให้เป็นการนับระยะเวลาหนี้ค้างชำระเป็นจำนวนงวด(3 งวด) เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถทยอยผ่อนชำระเงินกู้ที่ค้างชำระโดยไม่เป็น NPL
ทั้งนี้ ครม.เห็นชอบให้ก่อสร้างโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จครบตามจำนวน 281,556 หน่วย ตามที่ครม.เคยมีมติเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.52