นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐเร่งตรวจสอบหาสาเหตุการรั่วไหลของสารเคมีดังกล่าวโดยเร็ว เพราะอาจส่งผลให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัย และถูกนำไปผูกโยงกับปัญหามลพิษที่เกิดขึ้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด
นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) กำหนดมาตรฐานการเก็บวัตถุมีพิษตามระดับความอันตราย รวมทั้งห้ามวัตถุที่มีพิษบางประเภทนำเข้ามาเก็บในโกดังของท่าเรือ เนื่องจากมีบางบริษัทนำสินค้าประเภทนี้มาแวะพักที่ไทยก่อนจะส่งต่อไปยังประเทศที่สาม
ด้านนายเฉลิมเกียรติ สลักคำ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง กล่าวว่า กรณีเกิดเหตุสารเคมีรั่วไหลฟุ้งกระจายภายในบริเวณท่าเทียบเรือ บี 3 วานนี้ หลังจากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นสารโซเดียมเปอร์ซัลเฟต ซึ่งเป็นสารฟอกขาวใช้ในกระบวนการฆ่าเชื้อ และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ส่วนสาเหตุการรั่วไหลคาดว่าเกิดจากความชำรุดของหีบห่อบรรจุ
เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสูดดมสารดังกล่าวเข้าร่างกายจำนวน 10 ราย สามารถกลับบ้านได้แล้ว 4 ราย ที่เหลือนอนพักดูอาการที่โรงพยาบาล และไม่มีผู้เสียชีวิต นอกจากนี้เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีนักเรียนโรงเรียนวิศวกรรมแหลมฉบังซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมฯ ใกล้ที่เกิดเหตุจำนวน 13 ราย เกิดอาการแน่นหน้าอก วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน จึงได้ส่งรักษาที่โรงพยาบาลเพิ่มเติม