นายกฯ ยอมรับปัญหามาบตาพุดเกิดจากความย่อหย่อนของการบังคับใช้กฎหมาย

ข่าวทั่วไป Thursday December 3, 2009 17:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาเรื่อง"ยุทธศาสตร์ประเทศไทย Thailind Green Strategy"โดยระบุในตอนหนึ่งว่า ปัญหามาบตาพุดเกิดจากความย่อหย่อนจากปัญหาผังเมือง และการรับมือในการบังคับใช้กฎหมายจนนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประชาชนในพื้นที่กับภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากประชาชนได้รับผลกระทบในด้านคุณภาพชีวิต

ทั้งนี้ การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมบริเวณมาบตาพุด จ.ระยอง จะต้องมีกฎกติการการลงทุนที่สอดคล้องกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ ปี 50 ในมาตรา 67 วรรค 2 ซึ่งขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะคณะกรรมการร่วม 4 ฝ่ายที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน กำลังอยู่ระหว่างการจัดทำแนวทางการลงทุนให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ รวมถึงการให้ประชาชนในชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วม

"บทเรียนจากมาบตาพุด ทำให้เรารู้ว่าในที่สุดแล้ว เราจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงความยั่งยืน พร้อมทั้งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพชีวิต ถึงจะทำให้การพัฒนาทางอุตสาหกรรมเป็นไปอย่างราบรื่น หากเราสามารถคลี่คลายและบริหารจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าได้ จะเป็นบทเรียนที่มีค่ามากว่าวันข้างหน้าวิธีการบริหารจัดการประเด็นเหล่านี้ หน่วยงายของรัฐ ธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน ต้องมีการปรับตัวกันอย่างไร" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ยังมีงานอีกหลายส่วนที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำเพื่อรณรงค์ให้การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ซึ่งไม่เพียงแต่การรณรงค์เปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคเท่านั้น แต่บรรดาผู้ประกอบการจำเป็นต้องยอมรับภาระที่จะเกิดขึ้นจากการร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมให้แก่ชุมชน ทั้งจ่ายค่าประกันน้ำเสีย มาตราด้านภาษีหรือค่าธรรมเนียม เป็นต้น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หวังว่าจะเห็นทุกภาคส่วนได้แสดงบทบาทของตัวเองอย่างเต็มที่ รัฐบาลจะกำหนดนโยบายให้มีความสอดคล้องกับเป้าหมาย หน่วยงานราชการต้องสามารถผลักดันนโยบายต่างๆ ให้เกิดขึ้นจริงผ่านกระบวนการปรึกษาหารือและการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในสังคม ภาคเอกชนที่ได้ตื่นตัวต่อการปฎิบัติกับสังคมมาแล้ว ไม่เพียงแต่ปฎิบัติกฎหมายเพื่อรักษามาตรฐาน แต่ต้องคิดค้นและแสวงหาธุรกิจใหม่ๆ ที่จะมีส่วนส่งเสริมสนับสนุนธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมายิ่งขึ้น

"ภาควิชาการต้องวิจัยพัฒนาต่อยอดเพิ่มเติมความรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้เกิดนวัตกรรมความเปลี่ยนแปลง และองค์กรภาคเอกชน ภาคประชาชน ต้องมีส่วนสำคัญทั้งในการผลักดันให้เกิดนโยบายที่ดีและรณรงค์ให้ประชาชนทุกคน เปลี่ยนหรือปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและพฤติกรรมการบริโภคให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น งานที่เราจะทำข้างหน้ายังมีอีกมาก ผมหวังที่จะได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน"นายอภิสิทธิ์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ