มาร์กาเรตา วาห์ลสตรอม ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ผู้รับผิดชอบด้านการลดความเสี่ยงภัยพิบัติ กล่าวในที่ประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่กรุงโคเปนเฮเกนวันนี้ว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลกในปีนี้นั้น มากกว่า 90% มีสาเหตุมาจากสภาพอากาศที่รุนแรง
วาห์ลสตรอมเปิดเผยข้อมูลที่ได้จากศูนย์การวิจัยระบาดวิทยาของภัยพิบัติ (Center for Research on Epidemiology of Disasters) ซึ่งครอบคลุมช่วงเวลาตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤศจิกายน 2552 ที่เผยให้เห็นว่า ในบรรดาภัยพิบัติทางธรรมชาติ 245 ครั้งที่เกิดขึ้นทั่วโลกในปีนี้ พบว่า 224 ครั้งเป็นภัยพิบัติที่มีความเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ หรือคิดเป็น 91.4% โดยภัยพิบัติทางธรรมชาติเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อประชากร 55 ล้านคน และทำให้มีผู้เสียชีวิต 7,000 คน อีกทั้งยังสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ คิดเป็นมูลค่าถึง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
วาห์ลสตรอมกล่าวว่า เนื่องด้วยการคาดการณ์ภัยพิบัติและการบรรเทาผลพวงจากภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินอันเนื่องมาจากภัยพิบัติทางธรรมชาติจึงน้อยกว่าปีก่อนๆ ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับประชาชนและประเทศต่างๆ
อย่างไรก็ตาม สภาพอากาศที่รุนแรงยังเป็นสาเหตุอันดับแรกและจะยังคงส่งผลกระทบต่อประชาชนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
สำหรับภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมากที่สุดคือเอเชียและแอฟริกา โดยเอเชียได้รับผลกระทบจากพายุและน้ำท่วมมากเป็นพิเศษ ขณะที่แอฟริกาได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง