นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานชมรมผู้ประกอบการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ประกอบการได้ร่วมกันกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไข จัดตั้งวอร์รูม ประสานงานกับศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม(Environmental Monitoring Control Center:EMC2) ของสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด(สนพ.) และจัดทีมเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อม (Environment Patrol Team) ร่วมกับ สนพ. และประชาชนในพื้นที่เพื่อยกระดับและเพิ่มความเข้มงวดของการเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมตลอด 24 ชั่วโมง
ในเบื้องต้น ทีมเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและผู้ประกอบการ และในอนาคตจะเชิญผู้แทนชุมชนเข้าร่วมทีมต่อไป โดยแนวทางการดำเนินงานของทีมฯ จะใช้รถตรวจการพร้อมเครื่องมือสื่อสารวิ่งตามเส้นทางในนิคมฯและชุมชน มีการแบ่งพื้นที่การเฝ้าระวังทั้งภายในและรอบๆ นิคมฯ เพื่อตรวจตราและเฝ้าระวังเหตุการณ์ที่อาจเกิดผลกระทบให้ครอบคลุมทุกพื้นที่และสามารถส่งข่าวได้อย่างรวดเร็ว โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้(15 ธ.ค.52) เป็นต้นไป
ซึ่งในกรณีเกิดเหตุที่อาจส่งผลกระทบต่อโรงงานข้างเคียงหรือชุมชนโดยรอบ ทีมเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมจะแจ้งไปยังศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อมของ สนพ. เพื่อแจ้งข่าวสารต่อไปยังฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการตามแผนฉุกเฉินของ กนอ.โดยเร็วที่สุด รวมทั้งเข้าตรวจสอบโรงงานที่อาจจะเป็นต้นเหตุ และใช้เครื่องมือตรวจวัดก๊าซเข้าทำการตรวจวัดในเบื้องต้นทันที ขณะที่ผู้ประกอบการแต่ละโรงงานก็มีการจัดทำรายชื่อเจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อมและหมายเลขโทรศัพท์ให้กับ สนพ. เพื่อเตรียมรับการติดต่อในกรณีฉุกเฉิน และรับเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าตรวจได้ตลอด 24 ชั่วโมง
นายบวร กล่าวเพิ่มเติมว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทางกลุ่มผู้ประกอบการต่างมีความกังวลจึงได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด และพร้อมดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจว่า โรงงานทุกโรงมีการดูแลตรวจสอบและป้องกันเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพของชุมชนอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับทุกภาคส่วน เพื่อให้มั่นใจว่า โรงงานอุตสาหกรรมและชุมชนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัยและยั่งยืน