ท่าอากาศยานซิดนีย์ และไต้หวัน ประกาศใช้มาตรการคุมเข้มด้านความปลอดภัยของทุกเที่ยวบินที่จะมุ่งหน้าไปยังสหรัฐอเมริกา หลังจากเกิดเหตุผู้โดยสารที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ก่อการร้ายพยายามระเบิดเครื่องบินพร้อมผู้โดยสาร 278 คนของสายการบินนอร์ธเวสต์ แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่มุ่งหน้าไปยังเมืองดีทรอยท์ของสหรัฐ
นายไมเคิล ซามาราส โฆษกท่าอากาศยานซิดนีย์ของออสเตรเลียเปิดเผยว่า ผู้โดยสาร "ทุกคน" ที่จะเดินทางด้วยเที่ยวบินจากซิดนีย์ไปยังสหรัฐ จะต้องถูกตรวจร่างกายและสัมภาระอย่างละเอียดถี่ถ้วน ตามคำร้องขอจากทางการสหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้โดยสารที่เดินทางด้วยเที่ยวบินไปยังสหรัฐจะถูกตรวจร่างกายและสัมภาระอย่างละเอียดในลักษณะสุ่มตรวจเท่านั้น
ส่วนที่สนามบินไต้หวันนั้น นายหลี่ ชางฮุย โฆษสำนักงานตำรวจการบินแห่งไต้หวันกล่าวว่า ท่าอากาศยานไต้หวันได้เพิ่มมาตรการตรวจสอบผู้โดยสารและสัมภาระที่เข้มงวดมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะผู้โดยสารที่จะเดินทางจากสนามบินนานาชาติไต้หวันไปยังสหรัฐ
การประกาศใช้มาตรการคุมเข้มด้านความปลอดภัยที่สนามบินไต้หวันและซิดนีย์มีขึ้นหลังจากผู้ก่อการร้ายชาวไนจีเรียซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มอัล-กออิดะห์ พยายามจะจุดระเบิดบนเครื่องบินโดยสารแอร์บัส 330 พร้อมผู้โดยสาร 278 คน เที่ยวบินที่ 253 ของสายการบินนอร์ธเวสต์ แอร์ไลน์ ที่เดินออกจากกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองดีทรอยท์ของสหรัฐ แต่ผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่องบินได้ช่วยกันขัดขวาง และเครื่องบินสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัย
จากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องสงสัยรายนี้ชื่อนายอูมาร์ ฟารุค อับดุล มูตัลลับ ชาวไนจีเรีย โดยเขาสารภาพกับคณะเจ้าหน้าที่เอฟบีไอว่าเป็นสมาชิกเครือข่ายก่อการร้ายอัล-กออิดะห์