In Focusเปิดชีวิตบุคคลเด่นปี 2552 “แจ๊คสัน" ช็อคโลก — “ซูจี" ยังไร้อิสรภาพ

ข่าวต่างประเทศ Wednesday December 30, 2009 10:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลอดปี พ.ศ.2552 ที่ผ่านมามีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย และในเหตุการณ์เหล่านั้นก็ทำให้บุคคลหลายคนโดดเด่นขึ้นมาในสายตาคนทั่วโลก สำหรับปีนี้เราขอนำเสนอเรื่องราวของ 5 บุคคลจากวงการต่างๆ ซึ่งเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก ดังนี้

ออง ซาน ซูจี กับอิสรภาพที่ยังมาไม่ถึง

วันที่ 27 พฤษภาคม 2552 เป็นวันที่ทั่วโลกต่างรอคอย เนื่องจากถึงกำหนดที่ ออง ซาน ซูจี นักเรียกร้องประชาธิปไตยของพม่า จะได้รับการปล่อยตัวเสียที หลังจากที่นางถูกกักบริเวณอยู่แต่ในบ้านอย่างไม่เป็นธรรมมานานถึง 14 ปี ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา

แต่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อ จอห์น วิลเลียม เยตทอว์ ชายชาวอเมริกันวัย 53 ปี ว่ายน้ำข้ามทะเลสาบและลักลอบเข้าไปยังบ้านพักของนางซูจีในกรุงย่างกุ้ง เขาพักอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 2 วันและถูกจับกุมเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมขณะว่ายน้ำกลับออกมา ส่งผลให้นางซูจีถูกตั้งข้อหาละเมิดเงื่อนไขการกักบริเวณ และถูกศาลพม่าสั่งจำคุก 3 ปี ก่อนที่พลเอกอาวุโสตาน ฉ่วย ผู้นำรัฐบาลทหารพม่า จะลดโทษเหลือ 18 เดือน และให้นางถูกกักบริเวณในบ้านแทนการจำคุก

การกระทำของผู้นำรัฐบาลทหารพม่าอาจดูมีเมตตาปราณี แต่ประชาคมโลกไม่ได้คิดเช่นนั้น หลายฝ่ายเชื่อในทันทีว่านี่เป็นความพยายามของรัฐบาลทหารพม่าที่จะหาข้ออ้างในการกักตัวนางซูจีต่อ ด้วยไม่ต้องการให้นางมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งทั่วไปที่รัฐบาลจะจัดขึ้นในปี 2553 ในฐานะที่นางเป็น “หอกข้างแคร่" ของรัฐบาล

นานาประเทศไม่รอช้าที่จะออกมาเรียกร้องอิสรภาพให้นาง โดยนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ออกโรงแสดงความไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลพม่าพยายามใช้เหตุการณ์นี้มาเป็นข้ออ้างในการกักตัวนางซูจีต่อไป พร้อมเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางในทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข หลังจากนั้นประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ ก็ตอบรับด้วยการสั่งขยายมาตรการคว่ำบาตรพม่าอย่างเป็นทางการเพื่อกดดันพม่าให้ปล่อยตัววีรสตรีท่านนี้ ขณะที่ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ก็ออกแถลงการณ์ด่วนเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางซูจีโดยไม่มีเงื่อนไข และกล่าวว่าการกักตัวนางซูจีถือเป็นการละเมิดขนบสากลอย่างเห็นได้ชัด ด้านนายบัน กี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ก็แสดงความวิตกกังวลและเรียกร้องให้รัฐบาลรัฐบาลทหารพม่ายุติการกระทำการใดๆ ที่อาจบ่อนทำลายกระบวนการสร้างความสามัคคีปรองดองในพม่า

แต่เสียงเรียกร้องของประชาคมโลกยังคงไร้ผลเช่นเดิม เมื่อนางยังถูกกักบริเวณต่อไป

เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นางซูจีได้ส่งจดหมายถึงรัฐบาลพม่าเพื่อขอโอกาสเข้าพบพลเอกอาวุโสตาน ฉ่วย โดยระบุว่านางต้องการทำงานกับรัฐบาลเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ และเสนอตัวเป็นตัวกลางเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ชาติตะวันตกยุติการคว่ำบาตรพม่า แต่รัฐบาลทหารพม่ากลับกล่าวหาว่าจดหมายของนางสะท้อนถึงความไม่จริงใจและจงใจทำลายภาพลักษณ์ของรัฐบาลด้วยการโยนความผิดให้รัฐบาล

ล่าสุด นางซูจีได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำตัดสินของศาลที่สั่งกักบริเวณนางต่ออีก 18 เดือน ซึ่งนางทำได้เพียงลุ้นว่าศาลฎีกาพม่าจะรับคำอุทธรณ์ของนางหรือไม่ แต่เท่าที่เห็นกันมาคาดว่า หนทางสู่อิสรภาพของนางยังอีกยาวไกล

ไมเคิล แจ๊คสัน ราชาเพลงป๊อปตลอดกาล

ช่วงเที่ยงของวันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน 2552 หรือตรงกับเช้ามืดของวันศุกร์ที่ 26 มิถุนายนตามเวลาในประเทศไทย ทั่วโลกต่างตกตะลึงกับการจากไปอย่างกะทันหันของราชาเพลงป๊อป ไมเคิล แจ๊คสัน ด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ทั้งที่อีกเพียงไม่กี่วันคอนเสิร์ต “This is it" ที่แฟนเพลงทั่วโลกรอคอยจะเปิดฉากขึ้นแล้ว

ไมเคิล แจ๊คสัน เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2501 ได้เข้าสู่เส้นทางนักร้องตั้งแต่อายุเพียง 7 ขวบ ด้วยการเป็นนักร้องนำวง “The Jackson 5" และเริ่มเปิดตัวในฐานะศิลปินเดี่ยวเมื่อปี 2514 ด้วยการออกซิงเกิลเพลง “Got to Be There" และในปีเดียวกันก็ได้ออกซิงเกิลแรกที่ขึ้นอันดับ 1 คือ “Ben"

จากนั้น ไมเคิล แจ๊คสัน ก็เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2522 อัลบัม “Off the Wall" ทำสถิติยอดขายกว่า 20 ล้านก๊อบปี้ทั่วโลก และอัลบัม “Thriller" ก็คลอดออกมาในปี 2525 พร้อมเพลงดังอย่าง “Billie Jean" ต่อมาในปี 2530 อัลบัม “Bad" ได้สร้างเพลงดังออกมาถึงถึง 7 เพลง ทำสถิติอัลบัมที่มีซิงเกิลขึ้นอันดับ 1 ในบิลบอร์ดมากที่สุด

ในปี 2534 ก็มีการปล่อยอัลบัม “Dangerous" ออกมาพร้อมเพลง “Black or White" ที่ติดอันดับ 1 ทั้งในบิลบอร์ดและชาร์ตเพลงทั่วโลก ในปี 2538 เขาส่งอัลบัม “History" ออกมาพร้อมเพลง “You're Not Alone" ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลแรกในประวัติศาสตร์ที่ติดอันดับ 1 ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่วางจำหน่าย ก่อนจะปล่อยอัลบัม “Invicible" สู่ตลาดอีกครั้งในปี 2544 ซึ่งไม่มีใครคาดคิดเลยว่านี่จะเป็นอัลบัมสุดท้ายในชีวิตของเขา

หลังจากนั้น ไมเคิล แจ๊คสัน ก็เริ่มห่างหายไปจากวงการเพลง และในปี 2546 เขาก็ตกเป็นผู้ต้องหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กชายวัย 13 ปี แต่ในเดือนมิถุนายนปี 2548 ศาลได้ตัดสินว่าเขาไม่มีความผิด อย่างไรก็ตาม ข่าวต่างๆ ที่ออกมาในแง่ลบส่งผลให้แจ๊คสันพยายามอยู่เงียบๆ และทำตัวไม่ให้เป็นจุดสนใจของสื่อ

ในช่วงบั้นปลายของชีวิตแจ๊คสันประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนักจนถูกยึดทรัพย์สิน ความเครียดจากปัญหาการเงินที่รุมเร้าส่งผลให้เส้นทางอาชีพของแจ๊คสันสั่นคลอนมากขึ้น และส่งผลให้เขาเริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ อย่างการทำศัลยกรรมจมูกหลายครั้งจนผิดรูป นอกจากนั้นยังทำตัวเป็นเพื่อนกับลิงชิมแปนซีตัวหนึ่งด้วย

หลังจากห่างหายจากการทัวร์คอนเสิร์ตไปหลายปี ในที่สุด ไมเคิล แจ๊คสัน ก็ตัดสินใจจัดคอนเสิร์ต “This is it" แบบมาราธอน 50 รอบในกรุงลอนดอนของอังกฤษ ซึ่งมีข่าวว่าจะเป็นคอนเสิร์ตทิ้งทวนครั้งสุดท้ายของเขา แต่สุดท้ายความฝันของเขาก็ไม่มีวันเป็นจริง เมื่อเขามาด่วนจากไปเสียก่อน

แม้ ไมเคิล แจ๊คสัน จะจากโลกนี้ไปตลอดกาล แต่ความดังของเขาไม่ได้ลดลงเลย และดูเหมือนจะมากขึ้นด้วยซ้ำ ดูได้จากการประมูลของใช้ส่วนตัวของเขาที่ทำเงินได้อย่างมหาศาล อย่างถุงมือที่เขาสวมเต้นท่ามูนวอล์คเมื่อปี 2526 ก็ประมูลได้ราคาถึง 350,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 11.55 ล้านบาท) ขณะที่ภาพยนตร์เรื่อง “This is it" ซึ่งเป็นเบื้องหลังการเตรียมคอนเสิร์ตของเขา ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและกวาดรายได้มหาศาลจากการฉายทั้วโลก และล่าสุด “ไมเคิล แจ๊คสัน" ก็เป็นคำที่มีผู้ค้นหามากที่สุดของปี 2552 ในเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง กูเกิล ยาฮู และบิง

ดูเหมือนว่ามนต์ขลังของ ไมเคิล แจ๊คสัน จะยังคงอยู่อีกนาน

ยูคิโอะ ฮาโตยามะ ผู้เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งวงการการเมืองญี่ปุ่น

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2552 ประวัติศาสตร์การเมืองญี่ปุ่นถูกพลิกโฉมครั้งใหญ่ เมื่อ ยูคิโอะ ฮาโตยามะ วัย 62 ปี หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยแห่งญี่ปุ่น หรือ ดีพีเจ คว้าชัยในการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายโดยครองไปทั้งสิ้น 308 ที่นั่งจากที่นั่งในสภาทั้งหมด 480 ที่นั่ง และได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น ส่งผลให้การครองอำนาจในรัฐบาลของพรรคเสรีประชาธิปไตย หรือ แอลดีพี ที่ยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษต้องสิ้นสุดลง

ยูคิโอะ ฮาโตยามะ เกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2490 ในฐานะทายาทรุ่น 4 ของตระกูลใหญ่ที่มั่งคั่งและมีอิทธิพลทางการเมืองสูงสุดตระกูลหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น โดยอิจิโร่ ฮาโตยามะ ปู่ของเขา เป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ส่วนอิอิจิโร่ ฮาโตยามะ ผู้เป็นบิดาก็เป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ

ฮาโตยามะเริ่มเข้าสู่เส้นทางการเมืองในปี 2529 โดยได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดฮอกไกโดในสังกัดพรรคแอลดีพี และหลังจากนั้นก็ได้รับเลือกตั้งอย่างต่อเนื่องถึง 6 สมัย แต่ในปี 2536 เขาได้หันหลังให้พรรคแอลดีพีเพราะไม่เห็นด้วยกับแนวคิดทางการเมืองของพรรค ก่อนที่จะก่อตั้งพรรคดีพีเจขึ้นในปี 2539

ฮาโตยามะก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคดีพีเจครั้งแรกในระหว่างปี 2542-2545 แต่ในปีถัดมาเขาได้ถอยลงมาเป็นเลขาธิการพรรค เมื่อ อิจิโร่ โอซาวะ นำเอาพรรคลิเบอรัล ปาร์ตี้ เข้ามาควบรวมด้วยและขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคในปี 2549 แต่ก็เกิดเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการรับเงินบริจาคทางการเมืองจนกระทั่งโอซาวะยอมลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา และสมาชิกพรรคได้เลือกให้ฮาโตยามะกลับมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกครั้งเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือนเขาก็ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 93 ของแดนอาทิตย์อุทัย

จากประวัติแล้วดูเหมือนว่าเส้นทางการเมืองของฮาโตยามะถูกปูพรมมาอย่างดีตั้งแต่เขายังไม่เกิดด้วยซ้ำ และพรมผืนนั้นก็ทอดยาวมาเรื่อยจนกระทั่งเขาได้ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ อย่างไรก็ตาม ประวัติด้านการเมืองอันสวยหรูของเขาเริ่มด่างพร้อยเสียแล้ว เมื่อผลสำรวจหลายสำนักบ่งชี้ว่าคะแนนนิยมของนายฮาโตยามะและรัฐบาลกำลังลดลงอย่างหนัก อย่างผลสำรวจของสำนักข่าวเกียวโดเปิดเผยว่า คะแนนนิยมของรัฐบาลญี่ปุ่นโดยการนำของนายกรัฐมนตรียูคิโอะ ฮาโตยามะ ร่วงลง 16.5 จุด เหลือ 47.2% จากเดือนที่แล้ว ขณะที่จำนวนผู้คัดค้านรัฐบาลเพิ่มขึ้น 13.0 จุด แตะที่ 38.1%

ส่วนผลสำรวจของหนังสือพิมพ์อาซาฮีพบว่า มีผู้สนับสนุนรัฐบาลเพียง 48% ลดลงจาก 62% ในการสำรวจเมื่อเดือนก่อน โดย 74% บอกว่านายฮาโตยามะไม่มีความเป็นผู้นำ ไม่มีความเด็ดขาดในการตัดสินใจแก้ปัญหาการโยกย้ายฐานทัพอากาศสหรัฐบนเกาะโอกินาวา นอกจากนั้นยังมีส่วนพัวพันเงินบริจาคผิดกฎหมาย แม้ศาลจะไม่สั่งฟ้องก็ตาม

ขณะเดียวกันผลสำรวจของหนังสือพิมพ์นิกเกอิเปิดเผยว่า คะแนนนิยมของรัฐบาลญี่ปุ่นโดยการนำของนายกรัฐมนตรียูคิโอะ ฮาโตยามะ ร่วงลงอย่างหนักถึง 18% จากการสำรวจครั้งก่อน จนเหลือเพียง 50% ขณะที่จำนวนผู้คัดค้านเพิ่มขึ้นในอัตราเดียวกันแตะ 42% โดยประชาชนส่วนมากไม่เชื่อคำอธิบายของฮาโตยามะกรณีพัวพันเรื่องเงินบริจาคฉาว และมีเพียง 16% ที่เห็นว่าคำอธิบายของเขาน่าเชื่อถือ

มรสุมเดิมยังไม่จางหาย ฮาโตยามะก็กำลังจะเจอมรสุมลูกใหม่ในปีหน้า โดยเขาต้องตัดสินใจเรื่องการออกพันธบัตรมูลค่า 44 ล้านล้านเยน (ราว 16 ล้านล้านบาท) ในปีงบประมาณ 2553 ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนปีหน้า แม้ว่ารายได้จากการเก็บภาษีสรรพากรจะลดลงก็ตาม

ดูเหมือนว่าอนาคตของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นจะไม่สดใสอย่างที่คิดเสียแล้ว

โยชิโตะ อุซุย ผู้ให้ความสนุกสนานกับแฟนการ์ตูนทั่วโลก

ในเช้าวันศุกร์ 11 กันยายน 2552 อาจารย์ โยชิโตะ อุซุย ผู้ให้กำเนิดเจ้าหนูคิ้วหนาอย่าง ชินจังจอมแก่น ได้บอกกับครอบครัวว่าจะไปปีนเขาในจังหวัดนางาโนะทางภาคเหนือของกรุงโตเกียว แต่คืนนั้นเขาไม่ได้กลับบ้าน ทางบ้านจึงพยายามติดต่อไปทางโทรศัพท์มือถือ แต่ก็ไม่มีการตอบรับ

สื่อตีข่าวการหายตัวไปของนักเขียนการ์ตูนชื่อดังกันอย่างครึกโครม แฟนการ์ตูนทั่วโลกต่างภาวนาว่าเขาจะกลับมาอย่างปลอดภัย แต่แล้วในเช้าวันเสาร์ที่ 19 กันยายน ก็มีการพบศพของอาจารย์ซึ่งตกลงมาจากหน้าผาความสูง 120 เมตร เป็นการปิดฉากชีวิตของผู้ที่ให้ความสุขกับคนทั่วโลกตลอดกาล

โยชิโตะ อุซุย เกิดเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2501 ที่เมืองชิซึโอกะ เขาเข้าสู่เส้นทางนักเขียนการ์ตูนแนวตลกมาตั้งแต่ประมาณปี 2520 และมีผลงานออกมาหลายเรื่อง จนในปี 2533 ก็โด่งดังสุดขีดจากการ์ตูนเรื่อง “เครยอน ชินจัง" และความนิยมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปี 2535 เครยอน ชินจัง ก็ถูกทำเป็นการ์ตูนอนิเมชั่น ซึ่งตอนนี้มีความยาวเกือบ 700 ตอนแล้ว นอกจากนั้น เครยอน ชินจัง ยังถูกสร้างออกมาเป็นภาพยนตร์ฉายในโรงหนังอย่างสม่ำเสมอ ส่วนหนังสือการ์ตูนชุด เครยอน ชินจัง ก็มีจำนวนรวมเล่มแล้วถึง 49 เล่ม

แม้หลายคนจะตำหนิว่าชินจังเป็นการ์ตูนทะลึ่งที่เป็นตัวอย่างไม่ดีให้กับเด็ก เนื่องจากตัวเอกของเรื่องเป็นเด็กวัย 5 ขวบที่ชอบดื้อกับพ่อแม่และชอบทำเรื่องทะลึ่งตึงตัง แต่ผู้คนจำนวนมากเห็นว่าสิ่งที่ชินจังแสดงออกมาเป็นเพียงความซุกซนของเด็กเท่านั้น เนื่องจากในการ์ตูนมักแสดงให้เห็นว่าโดยเนื้อแท้แล้วชินจังเป็นเด็กดี รักครอบครัว และมีน้ำใจกับทุกคน ชินจังจึงครองหัวใจของนักอ่านในญี่ปุ่นและทั่วโลกได้อย่างไม่ยากเย็น

เมื่อไม่นานมานี้ ในวาระครบรอบ 60 ปีของเมืองคาซึคาเบะ ซึ่งเป็นเมืองที่อาจารย์โยชิโตะ อุซุย ใช้ดำเนินเรื่องชินจัง ทางเทศบาลเมืองได้มอบสำเนาทะเบียนบ้านพิเศษให้กับครอบครัวโนะฮาร่าของชินจัง และเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาชินจังก็พึ่งถูกเลือกให้เป็นพรีเซ็นเตอร์โครงการส่งเสริมการดูแลเด็กของเมืองคาซึคาเบะด้วย และในพิธีศพของอาจารย์โยชิโตะ อุซุย ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงโตเกียวนั้น มีแฟนการ์ตูนชินจังมากกว่า 3,000 คนไปร่วมแสดงความไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทั้งอาจารย์และชินจังเป็นที่รักของผู้คนมากมาย

แม้อาจารย์ โยชิโตะ อุซุย จะไม่ได้อยู่ฉลองครบรอบ 20 ปีของการ์ตูน เครยอน ชินจัง ในปีหน้า และขณะนี้ยังไม่มีคำยืนยันว่าอนาคตของของการ์ตูนเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป แต่เชื่อว่าความสุขที่ชินจังมอบให้กับทุกคนจะยังคงอยู่ตลอดไป

เบน เบอร์นันเก้ บุคคลแห่งปีของไทม์

เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ เฟด ได้รับยกย่องจากนิตยสารไทม์ ให้เป็นบุคคลแห่งปี 2552 โดยไทม์ให้เหตุผลว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของปีนี้ และหากปราศจากความช่วยเหลือของเบอร์นันเก้ สภาพเศรษฐกิจอาจเลวร้ายยิ่งกว่านี้ ขณะเดียวกันนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากก็ยกย่องว่าเบอร์นันเก้เป็นคนที่ช่วยฉุดเศรษฐกิจขึ้นจากเหว

อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายคนที่กังขาว่าเบอร์นันเก้ดีพอที่จะรับตำแหน่งนี้จริงหรือ ทางไทม์จึงออกมาย้ำว่าการเป็นบุคคลแห่งปีของไทม์ไม่ได้หมายความว่าคนนั้นต้องเป็นคนดัง แต่บุคคลนั้นต้องเป็นคนสำคัญที่มีอิทธิพลต่อโลกในช่วงปีที่ผ่านมา

เบอร์นันเก้ ซึ่งเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานเฟดในสมัยแรกโดยประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช และเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาประธานาธิบดีบารัค โอมามา ก็เสนอชื่อเขาเป็นประธานเฟดสมัยที่สอง ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าการตัดสินใจของผู้นำสหรัฐแสดงให้เห็นว่า วิกฤตเศรษฐกิจยังไม่สิ้นสุดโดยสมบูรณ์ และเขาต้องการให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยการดูแลของผู้ที่มีความรู้ความสามารถอย่างเบอร์นันเก้

แม้การเสนอชื่อเบอร์นันเก้เป็นประธานเฟดอีกสมัยจะถูกวิพากย์วิจารณ์จากประชาชน โดยผลสำรวจเผยว่าประชาชนที่สนับสนุนเบอร์นันเก้มีเพียง 21% และมีถึง 41% ที่คัดค้าน ถึงกระนั้นเขาก็ยังได้รับการสนับสนุนจากวอลล์สตรีทและสมาชิกรัฐสภาอีกจำนวนมาก และคาดการณ์ว่าเขาคงได้เป็นผู้นำพาเศรษฐกิจโลกผ่านพ้นอุปสรรคต่อไปอย่างแน่นอน

สำหรับปีหน้าจะมีเหตุการณ์สำคัญใดเกิดขึ้นบ้าง คนต้องรอดูกันต่อไป และคนสำคัญของปีนี้ จะยังเป็นคนสำคัญของปีหน้าหรือไม่ ก็คงต้องจับตาดูกันต่อไปเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ