กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.)จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมของกลางมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท เป็นยาบ้า 1.98 ล้านเม็ด, ยาไอซ์ 32 กิโลกรัม และเฮโรอีนอีก 3.5 กิโลกรัม
พล.ต.ท.อติเทพ ปัญจมานนท์ ผบช.ปส.เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาเป็นชาย 2 คน พร้อมของกลางยาเสพติดจำนวนมาก รถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุและโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.สืบทราบว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายดังกล่าวลักลอบนำยาเสพติดมาจำหน่ายในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จึงได้วางแผนล่อซื้อเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา จำนวน 50 มัด หรือ 1 แสนเม็ด ในราคา 9.5 ล้านบาท โดยนัดหมายส่งของที่บริเวณห้างสรรพสินค้า เมื่อถึงเวลานัดหมายนายตี๋ได้เข้ามาเจรจาเรื่องสินค้าอีกครั้ง ก่อนที่จะโทรศัพท์ให้ผู้ต้องหารายหนึ่งนำของมาส่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุมทันที
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนขยายผลพบว่าผู้ต้องหารายนี้ทำหน้าที่เป็นคนดูแลยาเสพติด จึงเข้าตรวจค้นบ้านพักย่านรามอินทราพบยาบ้าเพิ่มอีก 1.8 ล้านเม็ด รวมทั้งยาไอซ์และเฮโรอีนจำนวนดังกล่าวด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยึดยาเสพติดทั้งหมดเป็นของกลาง พร้อมทั้งควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายไปดำเนินคดี
พล.ต.ท.อติเทพ กล่าวว่า ยาเสพติดดังกล่าวคาดว่าจะทยอยลำเลียงมาจากบริเวณชายแดนไทย-พม่าหลายครั้ง โดยแอบซุกซ่อนมาพร้อมกับลังบรรทุกส้ม โดยนายกวงจะนำยาเสพติดมาพักไว้ที่ทาวน์เฮาส์หลังดังกล่าวก่อนจะทยอยส่งของให้กับเอเย่นต์
สำหรับการแถลงข่าวครั้งนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาร่วมงานด้วย พร้อมกับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม, พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทน ผบ.ตร., พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาธิการ ป.ป.ส., พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร.ที่กำกับดูแลงานด้านปราบปรามยาเสพติด
ด้านนายสุเทพ กล่าวว่า สถานการณ์ยาเสพติดในปี 53 ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเป็นอย่างไร แต่รู้มาว่าประเทศเพื่อนบ้านมีการสู้รบกับชนกลุ่มน้อยที่ผลิตยาเสพติด ทำให้มีการผลิตยาเสพติดในประเทศเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นรัฐบาลจะดำเนินการตามแผนสกัดกั้นยาเสพติดให้เข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณแนวชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน