สหรัฐผุดมาตรการตรวจสอบผู้โดยสารเข้มงวดมากขึ้น หวังสกัดเหตุก่อการร้าย

สหรัฐตั้งกฎเหล็กตรวจร่างกายผู้โดยสารที่เดินทางไปยังสหรัฐอย่างเข้มงวดมากขึ้น หลังเกิดกรณีที่นายอูมาร์ ฟารูค อับดุลตอลลับ ชายชาวไนจีเรียวัย 23 ปี พยายามระเบิดเครื่องบินของสายการบินนอร์ธเวสต์ แอร์ไลน์สที่เตรียมลงจอดในดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน เมื่อวันคริสต์มาสที่ผ่านมา

สำนักงานด้านความปลอดภัยด้านการคมนาคมขนส่ง (TSA) เปิดเผยแถลงการณ์ซึ่งระบุว่า ผู้โดยสารทุกท่านที่เดินทางไปยังสหรัฐจะต้องเข้ารับการสแกนร่างกายเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยก่อนที่จะขึ้นเครื่องบิน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ข้อบังคับดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่มีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันเหตุก่อการร้ายที่อาจเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดน้ำหนักกระเป๋าเดินทาง และการอนุญาตให้นักบินสามารถออกคำสั่งให้ผู้โดยสารที่เดินทางมาบนเที่ยวบินระหว่างประเทศที่มุ่งหน้าไปยังสหรัฐนั่งอยู่กับที่ในช่วงโมงสุดท้ายของการบิน

โดยก่อนหน้านี้ นายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวว่า สนามบินอังกฤษจะเริ่มใช้เครื่องสแกนผู้โดยสารเพื่อป้องกันผู้ก่อเหตุก่อการร้ายในเครื่องบิน และเมื่อวันที่ 30 ธันวาคมที่ผ่านมา เนเธอร์แลนด์ประกาศว่าจะเริ่มใช้เครื่องสแกนร่างกาย 15 ชุดสำหรับใช้กับเที่ยวบินที่มุ่งหน้าไปยังสหรัฐทุกเที่ยวบิน

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่ชายชาวไนจีเรียพยายามระเบิดเครื่องบินของสายการบินนอร์ธเวสต์ แอร์ไลน์เมื่อวันคริสต์มาสที่ผ่านมานั้น มีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ในประเทศเยเมน และการประกาศใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยครั้งล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากทั้งอังกฤษและสหรัฐได้สั่งปิดสถานทูตในเยเมน เนื่องจากเห็นถึงความเป็นไปได้ว่ากลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์อาจก่อเหตุโจมตีทางเครื่องบิน