เจ้าหน้าที่สหรัฐ และองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ทำงานอย่างเคียงบ่าเคียงไหล่กับหน่วยงานบรรเทาทุกข์ในเฮติ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฮติประมาณการว่ายอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว 7.0 ริกเตอร์เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมาอาจพุ่งขึ้นเป็น 100,000 คน นอกจากนี้ การจราจรติดขัดที่สนามบินนานาชาติเฮติยังส่งผลให้หน่วยงานของนานาประเทศต้องลำเลียงปัจจัยผ่านทางภาคพื้นดินของสาธารณรัฐโดมินิแกน
เจ้าหน้าที่ยูเอ็นได้ลำเลียงปัจจัยยังชีพและอุปกรณ์ทางการแพทย์เข้าไปแจกจ่ายในพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหวของเฮติ ขณะที่สหรัฐได้ส่งกองกำลังทหารหลายพันนายเข้าประจำการในภาคพื้นดินเพื่อช่วยงานด้านการกู้ภัย โดยนางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศของสหรัฐกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและกองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และขณะนี้รัฐบาลเฮติได้มอบหมายให้สหรัฐส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลและควบคุมท่าอากาศยานนานาชาติเฮติแล้ว
นายบัน คี มูน เลขาธิการยูเอ็นออกมาเรียกร้องนานาประเทศให้ช่วยบริจาคเงิน 560 ล้านดอลลาร์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาอาหาร น้ำ ที่อยู่อาศัยชั่วคราว และยารักษาโรคให้กับผู้ประสบภัยในเฮติ ซึ่งเงินจำนวนนี้เพียงพอสำหรับการจัดหาปัจจัยที่จำเป็นใน 6 เดือนข้างหน้า
นอกจากนี้มีรายงานว่า ซิตี้กรุ๊ป อิงค์ ซึ่งอาคารสำนักงานใหญ่ในเฮติได้พังทลายลงมาหลังจากเกิดแผ่นดินไหว ยังคงเดินหน้าค้นหาพนักงาน 8 คนที่คาดว่าจะติดอยู่ใต้ซากอาคาร โดยทีมค้นหาของซิตี้กรุ๊ปตั้งความหวังว่าจะพบพนักงานทั้ง 8 คนในสภาพที่ยังมีชีวิตอยู่
หลังจากเกิดแผ่นดินไหวได้เพียงวันเดียว นายวิกรม บัณฑิต ซีอีโอซิตี้กรุ๊ป ได้ส่งทีมงานชุดเฉพาะกิจมุ่งหน้าไปยังเมืองปอร์โตแปรงซ์ของเฮติ พร้อมด้วยอุปกรณ์ช่วยชีวิตและโทรศัพท์ระบบสัญญาณดาวเทียม โดยนายบัณฑิตกล่าวว่า ซิตี้กรุ๊ปให้ความสำคัญกับการช่วยชีวิตพนักงานเป็นลำดับแรก และจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินแก่เฮติ