รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ รัฐมนตรีใหม่ 5 คนได้เข้าร่วมประชุมเป็นนัดแรก โดยคาดว่าวันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีจะเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงาน และขับเคลื่อนการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี มีนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการจะทำหน้าที่ติดตามงานตามมติคณะรัฐมนตรี และนโยบายเร่งด่วน รวมถึงนโยบายสำคัญของรัฐบาล
นอกจากนี้ คาดว่าจะมีการเสนอแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานการให้ความเห็นขององค์กรอิสระ โดยมีกรรมการจากฐานของคณะกรรมการ 4 ฝ่าย ศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหามาบตาพุด อีก 1 ชุด และจะนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานคณะกรรมการประสานงานนี้ด้วย
พร้อมกันนี้ จะมีการหารือถึงการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลไทยเพิ่มเติมต่อผู้ประสบเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในประเทศเฮติ จากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้มอบเงินช่วยเหลือในเบื้องต้นไปแล้ว 20,000 ดอลลาร์ ซึ่งวันนี้จะมีการพิจารณาว่าจะให้ความช่วยเหลือในด้านการจัดส่งข้าว, อาหาร, ยารักษาโรค หรือการให้ความช่วยเหลือรูปแบบอื่นหรือไม่
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเสนอมติคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ที่เห็นว่าควรทบทวนมติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สามบิ๊กตำรวจที่มีส่วนในการสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 กลับเข้ารับราชการโดยขอให้นายกฯ ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ส่วนวาระการประชุมมีเรื่องพิจารณาสำคัญ ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์เสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาบัญชีสินค้าที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษกว่า 200 รายการ และบัญชีสินค้า-บริการควบคุมอีก 40 รายการ เช่น นมผง, นมสด, ครีมเทียม, เครื่องแบบนักเรียน, น้ำตาลทราย, ข้าวสาร, ข้าวเปลือก, เนื้อสุกร รวมถึงสถานีบริการก๊าซ NGV ซึ่งถือเป็นบริการควบคุมตัวใหม่ที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยสินค้าและบริการ(กกร.) เพิ่งมีมติอนุมัติให้เพิ่มเติมไว้ในบัญชีสินค้า-บริการควบคุม
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะเสนอให้ที่ประชุม ครม.อนุมัติการจัดตั้งสถานีตำรวจท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์การประเมินผลงาน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาค่าตอบแทนให้แก่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)
สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เสนอรายงานขยายประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่ออีก 3 เดือน และการนำมาตรา 21 ของ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มาใช้ในการเปลี่ยนแปลงซึ่งเป็นนิตินโยบายที่จะนำไปสู่การสร้างบรรยากาศของความสมานฉันท์ร่วมกับภาครัฐในการแก้ไขปัญหา
กระทรวงวัฒนธรรม เสนอให้ที่ประชุมครม.พิจารณาหลักโครงการส่งเสริมสืบชะตาแม่น้ำโขงเป็นนโยบายระดับชาติ โดยต้องการให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว พร้อมมอบหมายพื้นที่ของ สปป.ลาวที่อยู่ตรงข้ามแม่น้ำโขงใน 7 จังหวัดของไทย คือ เชียงราย, เลย, หนองคาย, นครพนม, อำนาจเจริญ, มุกดาหาร และอุบลราชธานี ร่วมกันจัดงานสืบชะตาแม่น้ำโขงเพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟู สืบสานประเพณีและพิธีกรรมอันดีงาม รวมถึงการส่งเสริมจิตสำนึกระหว่างไทยกับลาว