In Focusธรณีพิโรธเฮติ มิคสัญญีและคราบน้ำตาบนซากศพนับแสน โศกนาฏกรรมที่มนุษยชาติไม่อาจลืม

ข่าวต่างประเทศ Wednesday January 20, 2010 13:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เช้าตรู่ของวันอังคารที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากกำลังนอนหลับอย่างสบาย แต่ที่สาธารณรัฐเฮติ ประเทศเล็กๆในซีกโลกตะวันตกต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวรุนแรง 7.0 ริกเตอร์ และยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายสิบครั้ง ทำให้เมืองปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของเฮติและพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตะวันออก ราบเป็นหน้ากลอง อาคารบ้านเรือนพังถล่มลงมาต่อหน้าต่อตาประชาชนที่กำลังเดินทางสัญจรไปมาตามท้องถนน รวมถึงอาคารรัฐสภา สัญลักษณ์แห่งการปกครองของบ้านเมือง ที่ถูกธรณีพิโรธจนพังราบคาบ ภาพที่ปรากฎบนจอโทรทัศน์ของสื่อทั่วโลกสร้างความสลดใจให้กับทุกคน เสียงร้องไห้คร่ำครวญขอความช่วยเหลือของเด็กเล็กๆและผู้คนมากมายที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารทำให้หลายคนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ วิบากกรรมของเฮติยังไม่จบสิ้น เมื่อแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงได้สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง แหล่งอาหารถูกทำลาย ประชาชนยื้อแย่งอาหาร ปล้นสะดม ทำร้ายและฆ่าเพื่อนร่วมชาติเพียงเพื่อจะแย่งชิงอาหารประทังชีวิต

เฮติตั้งอยู่บนเกาะฮิสปันโยลาในทะเลแคริบเบียน ทวีปอเมริกาเหนือ ในอดีตเฮติเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส กระทั่งประกาศเอกราชในปีพ.ศ.2347 เฮติมาจากชื่อในภาษาอาราวัก ว่า อายิตี (Ayiti) ถือเป็นประเทศเอกราชแห่งที่ 2 ในทวีปอเมริกา (รองจากสหรัฐอเมริกา) และเป็นสาธารณรัฐเอกราชของชาวผิวสีแห่งแรกของโลก ...แปลกแต่จริงที่ว่า ทั้งๆที่เป็นประเทศเก่าแก่และมีอายุยาวนาน แต่เฮติกลับยากจนที่สุดในซีกโลกตะวันตก

นอกจากจะเผชิญกับความอดอยากและความโกลาหลแล้ว ชาวเฮติที่รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวยังต้องทนกับกลิ่นศพของผู้เคราะห์ร้ายที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง โดยมีรายงานว่าปัจจัยบรรเทาทุกข์ที่ชาวเฮติต้องการในขณะนี้ นอกเหนือจากน้ำและอาหารแล้ว ยาสีฟันเป็นสิ่งที่ชาวเฮติกรูกันเข้าไปแย่งชิง ไม่ใช่เพราะจะนำไปแปรงฟันตามข้อบ่งใช้ แต่นำมาป้ายจมูกเพื่อบรรเทากลิ่นเหม็นของซากศพที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถกู้ขึ้นมาได้ ผู้รอดชีวิตรายหนึ่งเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศว่า เขาต้องนอนจมอยู่ใต้ซากตึกเป็นเวลานาน 5 วัน และขวัญเสียกับศพของเพื่อนพ้องที่นอนตายเกลื่อนอยู่รอบข้าง บางศพขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นจนแทบจะทนไม่ได้ แต่ก็ต้องอดทนเพื่อเอาชีวิตรอดต่อไป

รัฐบาลเฮติเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวจนถึงขณะนี้อยู่ที่ 75,000 คน บาดเจ็บ 250,000 คน และไร้ที่อยู่กว่า 1,000,000 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประเมินว่ายอดผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหวในเฮติอาจพุ่งขึ้นแตะ 2 แสนคน

* พลิกปูมแผ่นดินไหวเฮติ ปฐพีสะเทือน ตึกถล่ม ผู้คนล้มตายเป็นเบือ

พวกเราคนไทยโล่งใจที่ช่วงเวลาของการเคาท์ดาวน์ผ่านพ้นไปอย่างสงบ เพราะฝันร้ายจากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่ซานติก้า ผับ ทำให้คนจำนวนมากระมัดระวังความปลอดภัยช่วงปลายปีกันเป็นพิเศษ คงไม่มีใครคาดคิดว่า 12 วันหลังจากที่ประชาชนทั่วโลกเฉลิมฉลองปีใหม่และกลิ่นอายของความชื่นชมยินดียังไม่ทันจางหาย จะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับประเทศใดประเทศหนึ่งของโลก จนกระทั่งเช้าตรู่ของวันที่ 13 ม.ค. (เวลาประมาณ 04.53 น.ตามเวลาประเทศไทย) สำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS) ออกแถลงการณ์ว่า เกิดแผ่นดินไหว 7 ริกเตอร์ ในเฮติ และมีอาฟเตอร์ช็อกตามมาหลายครั้ง ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเมืองปอร์โตแปรงซ์ประมาณ 16 กิโลเมตร ที่ระดับลึกประมาณ 10 กิโลเมตร จากนั้นไม่นานศูนย์เตือนภัยคลื่นสึนามิในมหาสมุทรแปซิฟิกประกาศเตือนภัยคลื่นสึนามิในเฮติ รวมทั้งสาธารณรัฐโดมินิกัน และคิวบา ก่อนที่จะประกาศยกเลิกสัญญาณเตือนภัยในเวลาต่อมา

ความรุนแรงของแผ่นดินไหวครั้งนี้ ส่งผลให้อาคารบ้านเรือน สำนักงาน อาคารรัฐสภา ทำเนียบประธานาธิบดี พังถล่มลงมา และล่าสุดในวันนี้ มหาวิหารซึ่งเป็นศูนย์รวมทางจิตใจของชาวเฮติ พังลงมาต่อหน้าต่อตาผู้ศรัทธา ประชาชนขวัญเสียและสิ้นหวัง ที่แย่กว่านั้นคือความช่วยเหลือเข้าไปถึงเฮติอย่างยากลำบากและติดขัด ต้องอาศัยการลำเลียงมาจากสาธารณรัฐโดมินิกัน เพราะสนามบินเฮติมีขนาดเล็กมากและไม่สามารถรองรับเที่ยวบินได้ทุกเที่ยว ผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่เข้าไปรายงานสถานการณ์ในเฮติเล่าว่า พวกเขาได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากใต้ซากตึกอยู่ตลอดเวลา สร้างความสะเทือนใจให้กับพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง ล่าสุดมีรายงานว่าเด็กหญิงอาไนก้า นักร้องประจำโบสถ์แห่งหนึ่งในเมืองปอร์โตแปรงซ์ ที่ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัยที่ใช้เลื่อยตัดโครงสร้างเหล็กดึงเธอออกมาจากซากตึก ได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อวานนี้ เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว เนื่องจากเธอติดอยู่ใต้ซากตึกนานหลายวันและทนทุกข์ทรมานกับบาดแผลที่ติดเชื้อนานเกินไป เมื่อครั้งที่เจ้าหน้าที่ยูเอ็นประเมินยอดผู้เสียชีวิตว่าอาจจะสูงถึง 2 แสนคน ...ผู้เขียนไม่อยากหลับตานึกภาพศพผู้เคราะห์ร้ายกองเป็นพะเนินที่ชวนให้นึกถึงเหตุการณ์พรรคนาซีสังหารหมู่ชาวยิวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และไม่อยากให้ยอดผู้เสียชีวิตออกมาสูงอย่างที่ยูเอ็นประเมินไว้

ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า เหตุแผ่นดินไหวรุนแรงที่เฮติเกิดจาก "เปลือกโลก"เคลื่อนตัว เนื่องจากลักษณะทางภูมิศาสตร์ของเฮติอยู่บนแผ่นเปลือกโลกขนาดใหญ่ 2 แห่ง คือ แผ่นอเมริกาเหนือ และแผ่นแคริบเบียน เมื่อเปลือกโลกขยับตัวย่อมส่งผลให้ผืนดินสั่นสะเทือนและสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

อันที่จริงก่อนหน้านี้มีนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันธรณีฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยเท็กซัสพบข้อมูลและเสนอรายงานให้เตรียมรับมือแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเฮติและประเทศใกล้เคียงตั้งแต่ปี 2547 แต่ไม่มีใครสนใจมากนัก และไม่คาดคิดว่าคำพยากรณ์ล่วงหน้าเมื่อ 6 ปีก่อนจะกลายเป็นจริง

*มิคสัญญีเฮติ เมื่อความหิวโหยและขาดแคลนจุดชนวนคนในชาติปล้นสะดม ฆ่าชิงอาหาร...โรคระบาดซ้ำเติม

เมื่อแผ่นดินไหวถล่มอาคาร บ้านเรือน ร้านค้า และโรงพยาบาล ความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้ก็ตามมาทันที น้ำ อาหาร และยารักษาโรคขาดแคลน นี่ยังไม่นับปัจจัยยังชีพจำพวกเสื้อผ้าและที่พักอาศัย ประชาชนที่รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวแต่สูญเสียบ้านเรือนและคนในครอบครัว ต่างนอนกันตามท้องถนน พวกเขาอาจเริ่มไม่แน่ใจว่าการมีชีวิตอยู่อย่างหิวโหยแร้นแค้น กับการตายในซากตึก อย่างไหนจะทรมานกว่ากัน...วิกฤตการณ์ขาดแคลนอาหารทำให้ชาวเฮติส่วนหนึ่งออกปล้มสะดมร้านค้าที่ยังหลงเหลือ ปล้นรถขนสเบียงอาหารของยูเอ็น ขณะที่ชาวเฮติอีกส่วนหนึ่งที่โกรธแค้นกับพฤติกรรมการเป็นหัวขโมยก็พากันรุมประชาทัณฑ์ฆ่าและจุดไฟเผาเพื่อนร่วมชาติประจานกลางเมือง หัวขโมยบางคนถูกฆ่า เปลื้องผ้าและถูกมัดลากไปตามท้องถนนเป็นที่อุจาดตา สะท้อนให้เห็นถึงภาวะตึงเครียดถึงขีดสุดของสังคมเฮติ ร้อนถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้กำลังและอาวุธสลายการจลาจล แต่ก็ไม่อาจดับกระแสความคุ้มคลั่งของฝูงชนได้ ทำให้รัฐบาลสหรัฐต้องส่งกองกำลังทหารเข้าควบคุมสถานการณ์และจัดระเบียบในเฮติ แต่ไม่วายที่นายฮูโก้ ชาเวซ ประธานาธิบดีเวเนซูเอล่าจะออกมาค่อนแคะผ่านสื่อว่า สหรัฐใช้วิกฤตแผ่นดินไหวเป็นข้ออ้างในการครอบครองเฮติ

ด้านนายบัน คี มูน เลขาธิการยูเอ็นออกหน้าคลี่คลายวิกฤตด้วยตัวเอง เขาส่งหนังสือวิงวอนขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพิ่มกองกำลังทหารเข้าไปช่วยจัดระเบียบและรับมือกับมิคสัญญีในเฮติ โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายบันนั่งเฮลิคอปเตอร์สำรวจความเสียหายในกรุงปอร์โตแปรงซ์ด้วยตนเอง พร้อมเข้าเยี่ยมผู้ประสบภัยและขอร้องให้ทุกคนอดทนอดกลั้น อย่าก่อเหตุจลาจล เพราะความช่วยเหลือกำลังทยอยมาถึง แต่สิ่งที่นายบันและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆของยูเอ็นหนักใจมากในเวลานี้ คือ โรคระบาด รวมถึงอหิวาห์ และมาลาเรีย ที่อาจทำให้แผ่นดินเฮติต้องเผชิญกับโรคระบาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ไม่มีใครบอกได้ว่า กองกำลังทหารสหรัฐและยูเอ็นจะต้านทานการลุกฮือของชาวเฮติได้นานแค่ไหน ภาพการออกปล้มสะดมและกระทำการรุนแรงต่อเพื่อนร่วมชาติยังคงมีให้เห็นจนถึงวันนี้ ขณะที่สื่อมวลชนที่เข้าไปทำข่าวยอมรับว่า เฮติในวันนี้อยู่ในสภาวะที่ "ไร้ขื่อแป" เพราะรัฐบาลล่มสลาย อาคารรัฐสภาพังลงมา คณะรัฐบาลเฮติต้องใช้สนามหญ้าข้างทางเป็นที่จัดการประชุม ภาพที่น่าอนาถเช่นนี้จึงทำให้ชาวเฮติหมดหวังและขาดความเชื่อมั่นอย่างมาก

หากศึกษาประวัติศาสตร์จะพบว่า นับตั้งแต่ที่เฮติได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส เฮติก็ไม่สามารถปกครองประเทศให้มั่นคงได้ นอกเหนือจากความยากจนที่ต้องอาศัยเงินช่วยเหลือจากต่างชาติแล้ว เฮติยังเผชิญกับภัยพิบัติทางธรรมชาติทั้งพายุและแผ่นดินไหว การเมืองเฮติยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะไร้เสถียรภาพโดยสิ้นเชิง มีทั้งการปฏิวัติ รัฐประหาร เผด็จการ เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วงที่ราฟาเอล ทรูจิลโญ ผู้นำจอมเผด็จการเรืองอำนาจ ชาวเฮติจำนวนมากถูกกระทำอย่างทารุณโหดเหี้ยม และมีการสังหารหมู่นับหมื่น จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า การเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ ทำให้เฮติกลายเป็นเมืองวิปโยคและน่าเห็นใจยิ่งนัก

* ธารน้ำใจหลั่งไหลสู่เฮติ เซเลบ-นักการเมือง-นักกีฬา-ดารา-นักร้อง-องค์กรการกุศล ฯลฯ ตบเท้าบริจาคเงินซับน้ำตา

มีคำกล่าวไว้ว่า เพื่อนแท้ย่อมไม่ทิ้งกันในยามยาก ...วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับเฮติ เพื่อนร่วมโลกที่ยากจนที่สุดในซีกโลกตะวันตก ไม่อาจทำให้คนในซีกโลกเดียวกันและในซีกโลกอื่นๆอยู่เฉยได้อีกต่อไป แม้ในยามปกติอาจไม่เคยมีใครหรือประเทศใดแสดงตัวว่าเป็นเพื่อนแท้ของเฮติ แต่ในยามคับขันเช่นนี้ คนทั้งโลกติดตามข่าวความเคลื่อนไหวของเฮติด้วยความห่วงใยและวิ่งเต้นระดมทุนให้เฮติอย่างสุดความสามารถ เริ่มจากสหรัฐอเมริกา ที่เป็นตัวตั้งตัวตีในการรณรงค์หาทุนช่วยเฮติ ที่ฮือฮาที่สุดก็คงเป็น "ปรากฎการณ์ประธานาธิบดีต่างขั้วของสหรัฐ" คืออดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน และอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ประกาศจัดตั้ง "กองทุนคลินตัน บุช เฮติ" มุ่งให้ความช่วยเหลือด้านการฟื้นฟูบูรณะเฮติ

ขณะที่สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นซิตี้กรุ๊ป, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, แบงค์ ออฟ อเมริกาฯ ต่างให้คำมั่นสัญญาที่จะบริจาคเงินช่วยเฮติ และล่าสุดมีรายงานว่ากลุ่มประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจจะจัดประชุมร่วมกันในวันที่ 25 ม.ค.ที่เมืองมอนทรีอัล ประเทศแคนาดา เพื่อหารือเรื่องการฟื้นฟูเฮติ

นอกจากนี้ นานาประเทศที่อยู่ต่างซีกโลก ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ไทย อิสราเอล แคนาดา และอีกหลายประเทศทั่วโลก ทยอยกันส่งปัจจัยทางการแพทย์ อาหาร และน้ำไปยังเฮติ ไม่เพียงแค่นั้น เหล่าดารานักร้องฮอลลีวู้ด ไม่ว่าจะเป็นปารีส ฮิลตัน, เบน สติลเลอร์, จอร์จ คูลนีย์, แบรด พิตต์, และแองเจลินา โจลี ต่างยินดีควักกระเป๋าบริจาคเงินซับน้ำตาเฮติ โดยเฉพาะคู่รักคนดังอย่างแบรด-โจลี่ ใจป้ำบริจาคเงินถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และล่าสุด แซนดร้า บูลล็อก ที่เพิ่งคว้ารางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยม ประเภทภาพยนตร์ดราม่า จากภาพยนตร์เรื่อง "The Blind Side " ก็ร่วมบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์

แม้แต่ไทเกอร์ วูดส์ ที่มีปัญหาส่วนตัวรุมเร้ายังร่วมบริจาคเงิน 3 ล้านดอลลาร์... แต่ไม่วายมีเสียงเหน็บแนมตามมาว่า วูดส์บริจาคเงินเพื่อกลบข่าวฉาวของตัวเอง ด้านโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ยอดนักหวดลูกสักหลาดชายมือ 1 ของโลกไม่ยอมน้อยหน้า เป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดการแข่งขันแมตช์พิเศษ "Hit for Haiti" ระดมทุนช่วยชาวเฮติได้มากกว่า 200,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (185,000 ดอลลาร์สหรัฐ)

อลิสซา มิลาโน นักแสดงและทูตสันถวไมตรีขององค์การยูนิเซฟ ก็เปิด blog เรียกร้องให้ภาคเอกชนสหรัฐบริจาคเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์, ผ้าใบ, อาหาร และอุปกรณ์เกี่ยวกับน้ำดื่มสำหรับเฮติ ขณะที่ไวเคลฟ ฌอง นักดนตรีฮิปฮอปที่เกิดในเฮติ ก็ร่วมระดมเงินบริจาคผ่านทางการส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือเช่นกัน

...มหันตภัยที่เกิดขึ้นกับเฮติอาจจะไม่มีใครที่มีพลานุภาพมากพอที่จะพลิกฟื้นเฮติให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้ แต่ธารน้ำใจของเพื่อนมนุษย์ที่หลั่งไหลเข้าสู่เฮติอย่างไม่ขาดสาย คงเป็นสักขีพยานได้ว่า มนุษยชาติแม้ต่างเผ่า ต่างภาษา และต่างซีกโลก ก็หยิบยื่นความช่วยเหลือให้แก่กันและกันมาทุกยุคทุกสมัย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ