กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยขณะนี้พบผู้ป่วยในพื้นที่ชนบทมากขึ้น แต่รอบสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม พร้อมย้ำให้ประชาชนที่อยู่ใน 5 กลุ่มเสี่ยงเร่งเข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกัน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดว่าหลังฉีดวัคซีนครอบคลุม 2 ล้านโดสแล้วจะสามารถลดจำนวนผู้ป่วยลงได้นับแสนราย และลดผู้เสียชีวิตลงได้นับร้อยราย
"จากการติดตามสถานการณ์โรคในรอบวันที่ 18-24 มกราคม 2553 พบผู้ป่วยรายใหม่ 46 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ยอดสะสมผู้เสียชีวิต 198 รายเท่าเดิม จากการเฝ้าระวังจำนวนผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นใน 6 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น อ่างทอง จันทบุรี ชลบุรี สมุทรปราการ และเชียงใหม่ โดยพบผู้ป่วยในพื้นที่ชนบทมากขึ้น" นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัด สธ.กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมวอร์รูมโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 เพื่อติดตามความคืบหน้าสถานการณ์โรคและการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดทั่วประเทศ เร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ 3 เรื่อง ได้แก่ 1.ให้ทุกจังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีพฤติกรรมป้องกันโรค 4 พฤติกรรม ได้แก่ ปิดปาก จมูกเวลาไอจาม และใช้หน้ากากอนามัยเมื่อป่วย เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย ล้างมือบ่อยๆ เลี่ยงการเข้าไปในที่มีคนแน่นแออัด และหยุดงาน หยุดเรียน เมื่อป่วยเป็นเวลา 7 วันจนหายเป็นปกติ 2.ให้โรงพยาบาลทุกแห่งเร่งรัดแจ้งให้กลุ่มเสี่ยง 5 กลุ่มเสี่ยงเป้าหมาย ให้เข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้ครบโดยเร็ว และดำเนินการตามแนวทางที่กรมควบคุมโรคกำหนดอย่างเคร่งครัด และ 3 ให้ อสม.เคาะประตูบ้านให้ความรู้และให้กลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ทั้งที่ขึ้นทะเบียนแล้วและที่ตกสำรวจให้ไปฉีดวัคซีน
ด้าน นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การฉีดวัคซีนให้กลุ่มเสี่ยง 2 ล้านโดสจะมีผลในการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทยสูงมาก หากฉีดครบทุกคนได้เร็วเท่าใดจะเป็นประโยชน์มาก เพราะคนไทยกลุ่มเสี่ยงจะมีภูมิต้านทานโรค 1.8 ล้านคน
"หากคนกลุ่มนี้ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนอาจจะป่วยได้ 1 แสนคน ป่วยมากต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 1 หมื่นคน และอาจเสียชีวิต 100 คน" นพ.มานิต กล่าว