นายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ (Environmental Protection Agency : EPA) ได้ประกาศบังคับใช้กฏระเบียบ Mandatory Reporting of Greenhouse Gases (GHG) Rule เพื่อบังคับให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบ ผู้ผลิตก๊าซอุตสาหกรรม (รวมผู้นำเข้าและผู้ส่งออกสินค้าดังกล่าว) ผู้ปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดสภาวะเรือนกระจกโดยตรง และผู้ผลิตรถยนต์ และเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ รวมถึงรถยนต์ประเภท Off-Road ต้องรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดสภาวะเรือนกระจก ได้แก่ ก๊าซ Carbon Dioxide (CO2) ก๊าซ Methane (CH4) ก๊าซ Nitrous Oxide (N2O) ก๊าซ Sulfur Hexafluoride (SF6) ก๊าซ Hydrofluorocarbons (HFCs) และ ก๊าซ Fluorinated อื่น ๆ โดยผู้ที่เข้าข่ายต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ได้แก่ โรงงานและสิ่งปลูกสร้างที่เป็น แหล่งผลิต แหล่งปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดสภาวะเรือนกระจก การใช้ความจุความร้อนในการเผาไหม้เชื้อเพลิง โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ผู้ผลิตเชื้อเพลิงเหลวจากถ่านหิน เป็นต้น
ด้านการจัดส่งรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซ GHG ภายใน 31 มีนาคมของทุกปี โดยจะเริ่มตั้งแต่ 1 มกราคม 2553 และจัดส่งภายใน 31 มีนาคม 2554 อย่างไรก็ดี จะยุติการรายงานได้ต่อเมื่อ (1) มีปริมาณการปล่อยก๊าซ GHG ในปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (CO2e) กับ 25,000 เมตริกตัน เป็นระยะเวลา 5 ปีติดต่อกัน (2) มีปริมาณการปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดสภาวะเรือนกระจกในปริมาณ CO2e กับ 15,000 เมตริกตัน เป็นระยะเวลา 3 ปีติดต่อกัน หรือ (3) เลิกการผลิตก๊าซที่ก่อให้เกิดสภาวะเรือนกระจก ทั้งนี้ ในการยุติการรายงานจะต้องแจ้งให้หน่วยงาน EPA ทราบถึงเหตุผลในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดสภาวะเรือนกระจก
สำหรับข้อมูลที่ต้องแจ้ง ได้แก่ ชื่อ พร้อมที่อยู่ของโรงงาน/สิ่งปลูกสร้าง หรือผู้ผลิต ระยะเวลาของการรายงานและวันที่จัดส่งรายงาน คำชี้แจงกรณีการเปลี่ยนวิธีคำนวณปริมาณการปล่อยก๊าซ GHG รวมทั้งในช่วง 1 มกราคม — 31 มีนาคม 2553 กรณีใช้การคำนวณแบบ Best Available Monitoring ที่ใช้ข้อมูลจากการประมาณการ การคำนวณทางวิศวกรรม และ/หรือข้อมูลบริษัท การประมาณค่าข้อมูลสูญหาย และ คำรับรองพร้อมลายมือชื่อของตัวแทนเจ้าของบริษัท หรือผู้ประกอบการที่ได้รับมอบหมาย
ทั้งนี้ การรายงานดังกล่าวจะต้องจัดส่งทางระบบอิเล็กทรอนิกส์โดยตรงให้กับหน่วยงาน EPA ตามรูปแบบที่ EPA กำหนด ซึ่ง EPA ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบ และคาดว่าจะเริ่มใช้ได้ภายในเดือนมกราคม 2554
นอกจากนี้ ผู้ที่อยู่ภายใต้กฎระเบียบดังกล่าวจะต้องเก็บรักษาข้อมูลที่ยื่นทั้งหมดต่อหน่วยงาน EPA ไว้เป็นระยะเวลา 3 ปี และสามารถยื่นแสดงหลักฐานได้ในกรณีที่หน่วยงาน EPA ต้องการ