- จับตาดูการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) แม้นายกรัฐมนตรีจะบอกว่าไม่มีวาระการพิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)คนใหม่ แต่ฝ่ายเลขานุการฯ ระบุว่าเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานฯ สามารถที่จะเสนอเป็นวาระจรให้ที่ประชุมพิจารณาได้
- นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) ติดตามว่าจะมีการหารือถึงประเด็นการปล่อยข่าวเรื่องระบายข้าวในสต็อกรัฐ 2 ล้านตันอย่างไรหลังจากที่นายกรัฐมนตรีให้ตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องนี้แล้ว
รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์จะนำเสนอผลการเจรจาต่อรองราคาในการเปิดประมูลข้าว 5 แสนตันครั้งล่าสุดที่ส่อแววจะต้องล้มประมูลอีกรอบ เพราะผู้ส่งออกเสนอซื้อข้าวในราคาค่อนข้างต่ำกว่าราคาตลาด ซึ่งหากยอมขายให้อาจทำให้รัฐต้องขาดทุนเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ช่วงบ่ายวันนี้ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. มีกำหนดแถลงข่าวเกี่ยวกับ"มาตรการพยุงราคาข้าวเปลือกตกต่ำ"
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กระทรวงการคลัง จะแถลงภาวะเศรษฐกิจของไทยในช่วงเดือน ม.ค.53 และคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจตลอดทั้งปี 53 ซึ่งอาจมีการพิจารณาปรับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ใหม่ หลังจากที่สภาพัฒน์ฯ ได้ปรับประมาณการณ์จีดีพีในปีนี้ไปอยู่ที่ระดับ 3.5-4.5% จากก่อนหน้าที่เคยคาดไว้ 3.0-4.0%
- ภารกิจสำคัญของนายกรัฐมนตรีวันนี้ ช่วงเช้าจะเป็นประธานในงาน 80 ปี วันวิทยุกระจายเสียงไทย และกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "บทบาทสื่อวิทยุในทศวรรษใหม่" ที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ถนนวิภาวดีรังสิต
จากนั้นจะเข้าไปประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่รัฐสภา ซึ่งวันนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย เตรียมยื่นกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด
และในช่วงเย็นจะเดินทางไปเป็นประธานเปิดงานมหกรรมท่องเที่ยว "เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก" ที่แม้ว่าขณะนี้มีหลายประเทศออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวที่จะมาทัวร์เมืองไทย เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่แสนจะวุ่ยวาย
- กรมสรรพากรเตรียมทำหนังสือถึงธนาคารไทยพาณิชย์ที่นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีเงินฝากอยู่ เพื่อสั่งอายัดทรัพย์สินของบุคคลทั้ง 2 ไว้ประมาณ 12,000 ล้านบาทก่อน ไม่ว่าผลการตัดสินในคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาทของพ.ต.ท.ทักษิณ จะออกมาเป็นอย่างไร เนื่องจากเกรงว่าธนาคารอาจเข้าใจผิด และส่วนหนึ่งเพื่อต้องการย้ำต่อสาธารณชนว่าเม็ดเงิน 1.2 หมื่นล้านบาทนั้นสามารถอายัดต่อไปได้จนกว่าคดีทางภาษีจะสิ้นสุด
- กระทรวงอุตสาหกรรม จะเชิญผู้ประกอบการน้ำตาลโควต้า ค. จำนวน 106 โรงงาน มารับทราบนโยบายและทำความเข้าใจ เพื่อให้เกิดการปฏิบัติตามกฎระเบียบเกี่ยวกับปริมาณน้ำตาลที่ได้รับจัดสรร หลังจากเกิดปัญหาขาดแคลนและมีการลักลอบเกิดขึ้น เนื่องจากขณะนี้ยังไม่ได้ใช้สิทธิ์ไม่ถึงตามที่แจ้งขอไว้
- กระทรวงพลังงานจะมีการลงนามในสัญญาให้สัมปทานปิโตรเลียม ใน 7 แปลงสุดท้ายของสัมปทานปิโตรเลียมในรอบ 20 ซึ่งเป็นแปลงสัมปทานปิโตรเลียมในพื้นที่บนบก ในแถบภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้เซ็นสัญญาสัมปทานเมื่อปลายปีที่แล้ว