- วันนี้คงไม่มีประเด็นใดจะร้อนมากไปกว่านี้แล้ว ที่ทั้งไทยและต่างประเทศต่างจับตาคดีประวัติศาสตร์ที่ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะตัดสินคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งช่วงเช้าจะมีการประชุมองค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คนเพื่อลงมติเสียงข้างมาก ก่อนจะนำไปเป็นคำวินิจฉัยกลางเพื่ออ่านคำพิพากษาในช่วงเวลา 13.30 น.
- กลุ่มผู้ชุมนุมแดงสยามบางส่วนได้ทางมาถึงบริเวณท้องสนามหลวงแล้วตั้งแต่เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เพื่อรอฟังคำตัดสินของศาลฏีกาในคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท โดยช่วงเช้าบรรยาการการรวมตัวกันยังไม่คึกคักมาก เนื่องจากแกนนำนัดให้มาชุมนุมกันช่วงบ่ายวันนี้ ขณะที่การรักษาความปลอดภัยทั้งโดยรอบและภายในบริเวณศาลฎีกาเป็นไปอย่างเข้มงวด ส่วนโรงเรียนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับศาลฏีกา ได้ประกาศปิดเรียน 1 วันเพื่อความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการจราจรที่คาดว่าจะติดขัดจากกลุ่มผู้ชุนนุม
- ศิษย์เก่าพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน นัดรวมตัวกันที่พรรคเพื่อไทย ช่วงบ่ายนี้เพื่อร่วมลุ้นชมการถ่ายทอดสดการพิจารณาคดียึดทรัพย์ของศาลฏีกา ขณะที่พ.ต.ท.ทักษิณ โพสต์เข้ามาทางทวิตเตอร์โดยยืนยันว่าเงินทั้งหมดเป็นเงินที่ตัวเองและครอบครัวหามาด้วยหยาดเหงื่อไม่เคยโกงตามที่ถูกกล่าวหา และไม่ว่าผลคำตัดสินของศาลจะออกมาเป็นอย่างไร จะจดจำน้ำใจของประชาชนที่คอยให้กำลังใจอย่างไม่มีวันลืม
- นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งการให้ช่อง 11 จัดทำรายการพิเศษหลังจากที่ศาลฎีกามีคำสั่งพิพากษาในคดียึดทรัพย์ โดยจะเชิญนักกฎหมายและนักวิชาการมาอธิบายให้ประชาชนได้เข้าใจต่อคำตัดสินของศาล เพื่อป้องกันการนำคำตัดสินของศาลไปบิดเบือนข้อเท็จจริงจากผู้ที่หวังผลทางการเมือง
- ด้านภารกิจสำคัญของนายกรัฐมนตรีวันนี้ ช่วงเช้าจะเป็นประธานเปิดการประชุมของสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย และปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "อนาคตเทศบาล : อนาคตประเทศไทย" ที่เมืองทองธานี จากนั้นจะเดินทางเข้ามาทำเนียบรัฐบาลเพื่อเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ช่วงบ่ายประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ ต่อด้วยประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์แห่งชาติ
ภารกิจแทบทั้งหมดของนายกรัฐมนตรีวันนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ภายในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งการรักษาความปลอดภัยวันนี้เข้มงวดเป็นพิเศษ โดยมีทั้งการตรวจสอบรถเข้า-ออกทุกคัน ใช้สุนัขทหารและเครื่องแสกนวัตถุต้องสงสัยเพื่อตรวจตราโดยรอบบริเวณทำเนียบรัฐบาล
- ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แถลงรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนม.ค.53 ที่ต้องติดตามว่าตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวทั้งภาวะการเงิน การคลัง และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในประเทศจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นจริงหรือไม่ หลังจากที่สภาพัฒน์ได้ปรับประมาณการณ์ตัวเลข GDP ในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 3.5-4.5% จากเดิม 3.0-4.0%
- จับตาว่าม็อบชาวนาจะยังคงเดินทางมาชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาลตามที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ เพราะล่าสุดคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) ได้มีมติให้เปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรตามราคาอ้างอิงได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ