กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา(28 ก.พ.-5 มี.ค.53) เพิ่มอีก 6 ราย ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย.52 ถึงวันที่ 5 มี.ค.53 เพิ่มเป็น 218 รายแล้ว ส่วนความคืบหน้าการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยง 2 ล้านคน ล่าสุดมีผู้รับวัคซีนเพียง 404,983 คน โดยจังหวัดชลบุรีมีผู้รับวัคซีนน้อยที่สุด
"มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 34,894 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 6 ราย รวมมีผู้เสียชีวิตสะสม 218 ราย" นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข กล่าว
โดยมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ได้รับยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ช้า คือ ด.ช.อายุ 1 เดือนที่ จ.ชลบุรี และชายอายุ 60 ปีที่ กทม.ซึ่งผู้เสียชีวิตรายนี้มีโรคประจำตัว คือ โรคเบาหวาน ถุงลมโป่งพอง ส่วนอีก 4 ราย คือ หญิงอายุ 18 ปีที่ จ.นครนายก เสียชีวิตจากเบาหวานกำเริบ ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยง คือ อ้วน เบาหวาน โรคตับ, ชายอายุ 58 ปีที่ จ.สุโขทัย ไปเสียชีวิตที่ จ.พิษณุโลก ปัจจัยเสี่ยง คือ เป็นโรคปอดเรื้อรัง มะเร็งปอด และความดันโลหิตสูง, หญิงอายุ 71 ปีที่ จ.ลำปาง เป็นโรคถุงลมโป่งพอง และหญิงอายุ 83 ปีที่ กทม. เป็นโรคเบาหวาน หัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูง และโรคไตเรื้อรัง
ส่วนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ให้กับ 5 กลุ่มเสี่ยง พบว่า มีผู้มารับวัคซีนแล้ว 404,983 ราย โดยบุคลากรสาธารณสุขมารับวัคซีนสูงสุด 45.5% รองลงมา ได้แก่ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง 21.5% คนน้ำหนักเกิน 100 กก., 7.2% ผู้พิการรุนแรง 6.3% และหญิงตั้งครรค์ 4.2% ทั้งนี้มี 7 จังหวัดที่มีผู้มารับวัคซีนต่ำกว่า 10% คือ ชลบุรี สมุทรสงคราม สตูล ราชบุรี ปทุมธานี กาญจนบุรี และจันทบุรี
รม.สาธารณสุข กล่าวว่า หากครบกำหนดฉีดวัคซีนในสิ้นเดือน มี.ค.แล้ว 5 กลุ่มเสี่ยงยังมารับวัคซีนไม่ครบ 2 ล้านคน จะมีการทบทวนว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ได้รับรายงานจากปลัดกระทรวงสาธารณสุขว่า อายุของวัคซีนไม่ได้มีอายุแค่ 1 ปี แต่มีอายุยาวกว่านั้น แต่ที่ต้องรีบดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยงภายในระยะเวลา 1 ปี เพราะหากผ่านพ้นไป 1 ปี สายพันธุ์ของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อาจเปลี่ยนเป็นเชื้อตัวใหม่ ทำให้วัคซีนไม่ได้ผล