พรูเดนเชียล บาช คอมโมดิตีส์ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านสินค้าโภคภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ในรัฐนิวยอร์กของสหรัฐ คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลกอาจดีดตัวขึ้น 22% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งผิดปกติจะส่งผลให้ผลผลิตปาล์มในมาเลเซียและอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นสองผู้ผลิตปาล์มน้ำมันรายใหญ่ของโลก ปรับตัวลดลง
รองประธานพรูเดนเชียล บาช คอมโมดิตีส์ กล่าวว่าปรากฎการณ์เอลนินโญ อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลกพุ่งขึ้นแตะระดับ 3,300 ริงกิต (988 ดอลลาร์) ต่อเมตริกตัน และคาดว่าผลผลิตน้ำมันปาล์มในมาเลเซียอาจไม่เพียงพอรองรับดีมานด์ที่ใช้ภายในประเทศและการส่งออก
ทั้งนี้ คาดว่าภาวะอุปทานตึงตัวอาจส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากปีที่แล้วที่ทะยานขึ้น 57% และจะช่วยกระตุ้นผลกำไรของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันปาล์ม รวมถึงบริษัท พีที แอสทรา อาโกร เลสตารี ซึ่งเป็นผู้เพราะปลูกปาล์มรายใหญ่สุดของอินโดนีเซีย นอกจากนี้ คาดว่าราคาน้ำมันปาล์มที่สูงขึ้นอาจส่งผลให้จีนและอินเดียซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันปาล์มรายใหญ่ เผชิญกับภาวะเงินเฟ้อในหมวดราคาอาหาร
กระทรวงการคลังมาเลเซียคาดการณ์ไว้ในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดปรากฎการณ์เอลนินโญ ว่าผลผลิตน้ำมันปาล์มในมาเลเซียจะเพิ่มขึ้น 4.9% ในปีพ.ศ.2553 แตะที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 17.8 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม นายเบอร์นาร์ด ดอมพอค รมว.อุตสาหกรรมการเกษตรมาเลเซีย เคยออกรายงานเตือนเมื่อเดือนก.ค.ปีที่แล้วว่า ผลผลิตน้ำมันปาล์มในปีนี้อาจหาดตัวลงถึง 16% เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนินโญ
ข้อมูลจากศูนย์พยากรณ์สภาพอากาศของสหรัฐระบุว่า เอลนินโญคือปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิของน้ำบนพื้นผิวทะเลสูงขึ้นทั่วทะเลแปซิฟิก ซึ่งทำให้ฝนตกน้อยลงในภูมิภาคเอเชีย อีกทั้งสร้างความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตร รวมถึงข้าว น้ำมันปาล์ม ข้าวโพด และน้ำตาล แต่ปรากฏการณ์เอลนินโญอาจทำให้ฝนตกมากขึ้นในภูมิภาคอเมริกาใต้ ซึ่งจะทำให้ผลผลิตในภูมิภาคแห่งนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ศูนย์พยากรณ์สภาพอากาศสหรัฐคาดการณ์ว่า อินโดนีเซียจะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งกว่าปกติในช่วงเดือนมี.ค.จนถึงพ.ค.ปีนี้