กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานมีพื้นที่ประสบภัยแล้งที่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน(ภัยแล้ง)แล้ว จำนวน 59 จังหวัด 470 อำเภอ 3,096 ตำบล 25,798 หมู่บ้าน คาดว่าพื้นที่การเกษตรจะได้รับเสียหาย รวม 154,576 ไร่ แยกเป็น พืชไร่ 120,277 ไร่ นาข้าว 20,048 ไร่ และพืชอื่นๆ 14,251 ไร่
แยกเป็นภาคเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร เชียงราย ตาก น่าน พะเยา ลำปาง ลำพูน แพร่ สุโขทัย อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ พิจิตร เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พิษณุโลก เพชรบูรณ์ อุทัยธานี
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 19 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี อุบลราชธานี บุรีรัมย์ ชัยภูมิ มุกดาหาร หนองคาย ร้อยเอ็ด ยโสธร สุรินทร์ สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ นครราชสีมา อำนาจเจริญ มหาสารคาม ศรีสะเกษ
ภาคกลาง 9 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ชัยนาท ลพบุรี นครปฐม สระบุรี ภาคตะวันออก 7 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ปราจีนบุรี นครนายก ตราด ระยอง
ภาคใต้ 7 จังหวัด ได้แก่ ตรัง นครศรีธรรมราช ระนอง สตูล ชุมพร สุราษฎร์ธานี กระบี่ ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 7,592,019 คน 2,022,250 ครัวเรือน
สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่ประสบภัยแล้งร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจกจ่ายน้ำอุปโภคและบริโภคจำนวน 198,141,170 ลิตร พร้อมซ่อมสร้างทำนบและฝาย 4,895 แห่ง ขุดลอกแหล่งน้ำ 5,135 แห่ง และติดตั้งเครื่องสูบน้ำจำนวน 698 เครื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยแล้งในเบื้องต้นแล้ว