ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดย IBISWorld ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านค้าปลีกที่ตั้งอยู่ในเมืองลอสแองเจลิสของสหรัฐ บ่งชี้ว่า กลุ่มผู้บริโภคของสหรัฐวางแผนใช้จ่ายเพื่อซื้อลูกอมขนมหวาน เนื้อแกะ และไข่หลากสีสัน เป็นวงเงินรวมสูงถึง 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ในช่วงเทศกาลอีสเตอร์สุดสัปดาห์นี้ ซึ่งบ่งชี้ว่าตัวเลขการใช้จ่ายนอกเหนือจากสิ่งของที่จำเป็นในชีวิตประจำวันกำลังปรับตัวสูงขึ้น
ผลสำรวจระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลอีสเตอร์สุดสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 1.8% ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 ปี โดยคาดว่าส่วนใหญ่จะเป็นการซื้ออาหาร ลูกอม และเสื้อผ้า
สมาพันธ์การค้าปลีกแห่งชาติของสหรัฐระบุว่า โดยปกติแล้วเทศกาลอีสเตอร์ในสหรัฐ ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 4 เม.ย. จะเป็นเทศกาลที่มีตัวเลขการใช้จ่ายมากเป็นอันดับสี่ รองจากเทศกาลคริสต์มาส วาเลนไทน์ และวันแม่ ซึ่งในปีนี้คริสตจักรนิกายออร์โธด็อกซ์ทางฝั่งตะวันออกจะฉลองเทศกาลอีสเตอร์ในวันเดียวกับคริสตจักรคริสเตียนในฝั่งตะวันตก ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น โดยเฉพาะยอดขายอาหาร
นายพอล ซอเดอร์ ประธานบริษัท Sauder’s Eggs ในมลรัฐเพนซิลวาเนีย กล่าวว่า ในขณะที่ผู้บริโภคมีแนวโน้มว่าจะซื้อขนมช็อคโกแล็ตรูปกระต่ายและของตกแต่งในเทศกาลอีสเตอร์มากขึ้นนั้น การพึ่งพาอุตสาหกรรมไข่สดในช่วงเทศกาลอีสเตอร์กลับลดน้อยลงนับตั้งแต่ปี 2543 เนื่องจากประชาชนเริ่มหันไปนิยมใช้ไข่พลาสติกแทนไข่สดในการเล่มเกมหาไข่และตกแต่งไข่
อย่างไรก็ตาม ชาวอเมริกันนิยมปรุงอาหารรับประทานเองที่บ้านในช่วงที่เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย โดยเฉพาะอาหารเมนูไข่ จึงทำให้ยอดขายไข่สดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยนายซอเดอร์กล่าวว่าบริษัทของเขาจำหน่ายไข่สดได้ถึง 5.5 ล้านฟองต่อวัน จากแม่ไก่ 5 ล้านตัวในฟาร์ม 80 แห่งใน 3 รัฐของบริษัท นอกจากนี้ คณะกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมไข่แห่งสหรัฐ ยังสนับสนุนให้ประชาชนรับประทานไข่ โดยชี้ให้เห็นถึงความสะดวกและคุณประโยชน์
ทั้งนี้ องค์กร Park Ridge ในมลรัฐอิลลินอยส์ของสหรัฐ ประกาศให้วันจันทร์ที่ 5 เม.ย.นี้ เป็นวันเริ่มต้นสัปดาห์ National Egg Salad Week