รัฐ-เอกชน เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังคลังน้ำมัน-แอลพีจีหลังเหตุยิงถล่มคลังแทปไลน์

ข่าวทั่วไป Thursday April 22, 2010 16:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กรมธุรกิจพลังงานประสานผู้ประกอบการคลังน้ำมันและคลังก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) เพิ่ม 4 มาตรการรักษาความปลอดภัย หลังเกิดเหตุคนร้ายยิงจรวดอาร์พีจีเข้าไปในคลังน้ำมันขนาดใหญ่ของบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย หรือ แทปไลน์ ที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จนเกิดเพลิงลุกไหม้

นายพีระพล สาครินทร์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวภายหลังหารือร่วมกับผู้ประกอบการคลังน้ำมันและคลังก๊าซแอลพีจีทั่วประเทศ จำนวน 50 ราย ว่า ที่ประชุมฯ ได้กำหนด 4 มาตรการในการรักษาความปลอดภัย ได้แก่ มาตรการป้องกันอุบัติภัย ด้วยการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด(ซีซีทีวี) เพื่อดูแลความปลอดภัยโดยรอบ โดยเฉพาะบริเวณรอบนอกที่ติดกับถนน เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการลอบยิงมาจากด้านนอก และจัดเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนรอบบริเวณ

2.มาตรการเตือนภัย โดยการติดระบบสัญญาณเตือนภัย รวมทั้งซักซ้อมความเข้าใจกับชุมชนโดยรอบ เพื่อช่วยเฝ้าระวังภัย 3.มาตรการระงับอุบัติภัยหากเกิดเหตุ โดยเตรียมความพร้อมอุปกรณ์และทดสอบให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และประสานกับเจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่นในการบริหารจัดการการใช้อุปกรณ์ระงับเหตุร่วมกัน และ 4.มาตรการบริหารจัดการป้องกันภัย โดยการประเมินความเสี่ยงของพื้นที่รอบบริเวณคลังน้ำมันและก๊าซแอลพีจี หากพบว่ามีความสุ่มเสี่ยงจะเกิดเหตุให้เร่งประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และทางจังหวัด เข้ามาร่วมดูแลด้วย

โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้แต่ละคลังน้ำมันและคลังก๊าซกลับไปประเมินว่า พื้นที่ใดบ้างที่เป็นพื้นที่เสี่ยงที่อาจมีการก่อเหตุร้าย โดยเฉพาะคลังที่มีพื้นที่ติดถนนใหญ่ ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการมีแผนรองรับการขนส่งน้ำมันและก๊าซอยู่แล้ว ทั้งในส่วนของทางเรือ ทางรถ-รถไฟ และทางท่อ โดยให้ดูตามความเหมาะสม

สำหรับ จ.ปทุมธานี มีคลังน้ำมันรายใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ แทบไลน์, บมจ.ปตท.(PTT) และเอสโซ่ ส่วนที่ จ.พระนครศรีอยุธยา มี 2 แห่ง ได้แก่ MP ปิโตรเลียม และ บมจ.ไออาร์พีซี(IRPC) ส่วนที่ อ.บางปะอิน มีคลังน้ำมันของ บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ