นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ต้อนรับ ดร.โฮเซ รามอส - ฮอร์ตา ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ที่มาเข้าเยี่ยมคารวะที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสเดินทางเยือนไทยระหว่างวันที่ 28 -30 เมษายน 2553
โดยนายกรัฐมนตรีได้แสดงความชื่นชมพัฒนาเศรษฐกิจติมอร์—เลสเต ที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น ไทยพร้อมจะมีส่วนร่วมพัฒนาเศรษฐกิจของติมอร์ ทั้งด้านการลงทุนและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในติมอร์-เลสเต
ประธานาธิบดีติมอร์-เลสเต กล่าวว่า ติมอร์-เลสเต ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยในปีที่ผ่านมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงถึงร้อยละ 12 รัฐบาลมุ่งให้ความสำคัญต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งเส้นทางคมนาคม ถนน ท่าเรือ ระบบสาธารนูปโภค ไฟฟ้า และพร้อมที่จะลงทุนการพัฒนาแหล่งพลังงานและก๊าซธรรมชาติ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่
ขณะเดียวกันติมอร์-เลสเต ก็ให้ความสำคัญต่อความใกล้ชิดกับกลุ่มภูมิภาคโดยเฉพาะอาเซียน และได้แสดงความปรารถนาอย่างชัดเจนที่จะเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอาเซียน ภายในปี 2012 ซึ่งการเร่งรัดพัฒนาประเทศจะเป็นการเตรียมความพร้อมและเสริมสร้างศักยภาพและ ความสามารถของประเทศ เพื่อให้สมาชิกที่มีประสิทธิภาพของอาเซียนด้วย
พร้อมกันนี้ ประธานาธิบดีติมอร์-เลสเต ยังได้แสดงความเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไทยในขณะนี้ว่า เป็นสถานการณ์การเมือง พร้อมแสดงความชื่นชมนายกรัฐมนตรีว่า มีภาวะความเป็นผู้นำ อดทน อดกลั้น ที่จะใช้แนวทางการเจรจาและสันติวิธีในการแก้ปัญหา
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีของไทย ยืนยันว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาทางการเมืองที่จะต้องใช้แนวทางแก้ปัญหาด้วยมิติการเมือง โดยคำนึงถึงความมั่นคงของสังคมและความปลอดภัยของคนไทยโดยรวมเป็นสำคัญ
และในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังได้รับฟังแนวคิดของประธานาธิบดีติมอร์-เลสเต ในการจัดการประชุมสุดยอดเอเชียว่าด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) โดยเอเชียที่มีประชากรมากกว่ากึ่งหนึ่งของประชากรโลก ทั้งจีน เกาหลี อินเดีย และอาเซียน ซึ่งเป็นเศรษฐกิจชั้นนำของเอเชีย ก็สามารถมีบทบาทสำคัญในการเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ซึ่งเป็นการต่อยอดวิสัยทัศน์ของอาเซียนด้วย