ออสเตรเลียรุกควบคุมจำนวนสิงห์อมควันในประเทศ เร่งออกคำสั่งห้ามพิมพ์ชื่อยี่ห้อบนซองบุหรี่ พร้อมเตรียมขึ้นอัตราภาษียาสูบ
เควิน รัดด์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียประกาศว่า ออสเตรเลียจะเป็นประเทศแรกที่สั่งห้ามมิให้มีการระบุชื่อยี่ห้อบนซองบุหรี่ ซึ่งหมายความว่าในอีก 18 เดือนต่อจากนี้ ซองบุหรี่ทุกยี่ห้อจะมีเพียงฉลากเตือนและข้อมูลกำกับสินค้าเท่านั้น
นอกจากนี้ รัฐบาลจะขึ้นภาษียาสูบอีก 25% จากปัจจุบันนี้ที่ 26.22 เซนต์ออสเตรเลียต่อหนึ่งซอง โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป และจะมีการปรับขึ้นภาษี 2 ครั้งต่อปีอิงตามอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งการเรียกเก็บภาษีครั้งนี้จะทำให้รัฐบาลมีรายได้ 5 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียภายใน 4 ปี นอกจากนี้ รัฐบาลจะใช้เงิน 85 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในแคมเปญโฆษณาต่อต้านการสูบบุหรี่ในอีก 4 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคร้ายและเสียชีวิตก่อนวัยอันควร โดยในแต่ละปีบุหรี่ได้คร่าชีวิตชาวออสเตรเลียถึง 15,000 คน ซึ่งทางสมาคมการแพทย์ออสเตรเลียระบุว่า ในแต่ละวันแพทย์ต้องเจอกับผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อโรคร้ายแรงและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่มากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น มาตรการใหม่ของรัฐบาลจะช่วยนำไปสู่การลดลงของจำนวนผู้ป่วย และลดต้นทุนทางเศรษฐกิจที่หมดไปกับการซื้อบุหรี่ โดยสำนักงานสถิติออสเตรเลียรายงานว่า ในปี 2552 ยอดขายผลิตภัณฑ์ยาสูบมีมูลค่า 1.09 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลออสเตรเลียตั้งเป้าลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ลงเหลือไม่ถึง 10% ของจำนวนประชากรวัยผู้ใหญ่ จากเดิมที่ 16.6%
ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีผู้สูบบุหรี่น้อยที่สุดอันดับ 3 ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว รองจากสวีเดน และสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) ระบุในรายงานเมื่อเดือนธ.ค.ว่า ชาวออสเตรเลียที่สูบบุหรี่มีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าครึ่งจากเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา