นายเอริค สวอนสัน โฆษกหน่วยรักษาการณ์ชายฝั่งของสหรัฐเปิดเผยว่า เหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลจากบ่อน้ำมันของบริษัทบีพีในอ่าวเม็กซิโก ทำให้บีพีสูญเสียน้ำมันดิบจำนวนมากถึง 5,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งสูงกว่าที่สำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐ (NOAA) ประเมินไว้ที่ระดับ 1,000 บาร์เรล/วัน ถึง 5 เท่า
การรั่วไหลดังกล่าวเกิดขึ้น เนื่องจากเกิดการระเบิดจนเป็นเหตุให้แท่นขุดเจาะน้ำมัน Deepwater Horizon ของบริษัทบีพีจมลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยจุดที่เกิดอยู่ห่างจากชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองนิวออลีนส์ประมาณ 130 ไมล์ ส่งผลให้เกิดคราบน้ำมันลอยเป็นแพในรัศมี 16 ไมล์นอกชายฝั่ง และคาดว่าคราบน้ำมันจะลอยเข้ามากระทบฝั่งในรัฐหลุยเซียนาเป็นครั้งในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดก้อนน้ำมันหนืดคลายดินเหนียวเต็มไปทั่วชายฝั่งในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ บีพีต้องจ่ายเงินวันละ 6 ล้านดอลลาร์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดน้ำมันที่รั่วไหลและเพื่อหยุดการรั่ว โดยครอบคลุมถึงการใช้เครื่องบินโปรยสารเคมี การใช้กระบวนการให้กลายเป็นไอ (evaporation) และกระบวนการอื่นๆทางธรรมชาติ เพื่อสลายคราบน้ำมัน โดยในเบื้องต้นตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะสลายคราบน้ำมันให้บางจนสามารถเห็นพื้นผิวของน้ำทะเล
นอกจากนี้ บีพีได้ทดสอบการเผาคราบน้ำมันเมื่อวานนี้ เพื่อดูว่าจะสามารถลดความเสียหายที่บริเวณชายฝั่งได้หรือไม่ โดยนายดั๊ก ซัทเทิลส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของบีพีจะประกาศผลการทดสอบในวันพรุ่งนี้