นายยุคล ลิ้มแหลมทอง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุม เรื่อง วิกฤตโลกร้อนกับการเกษตร ครั้งที่ 1 ร่วมกับผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช) และ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ว่า ประเด็นปัญหาเรื่องภาวะโลกร้อนกับภาคการเกษตรถือเป็นเรื่องสำคัญที่กระทรวงเกษตรฯ ต้องเร่งดำเนินการเข้าไปดูแล เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจโดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญๆ หลายชนิด ที่จะมาเป็นเงื่อนไขในการเจรจาทางการค้าระหว่างประเทศในภาพรวม
ซึ่งมีข้อมูลและงานวิจัยพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตรที่ส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อน มาหารือร่วมกัน เพื่อลดความซ้ำซ้อนในงานวิจัย และจะเน้นต่อยอดงานวิจัยใหม่ๆ ที่เน้นไปในด้านการแก้ไขปัญหาเพื่อลดปัญหาภาวะโลกร้อนจากภาคการเกษตรที่สามารถนำไปใช้ได้ทันทีและทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน
สำหรับงบประมาณดำเนินงานวิจัยนั้น ได้มอบหมายให้สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ เป็นหน่วยงานหลักดำเนินการสนับสนุนงบประมาณงานวิจัยที่มีอยู่ประมาณ 2,000 ล้านบาท ให้หน่วยงานต่างๆ ไม่เพียงแต่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ สามารถเสนอโครงการวิจัยที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงและถ่ายทอดไปยังเกษตรกรในการลดปัญหาโลกร้อนที่เกิดจากภาคการเกษตรได้ เช่น การคิดค้นวิธีการเลี้ยงสัตว์ การผลิตอาหารสัตว์เพื่อลดการปล่อยแก๊สที่เกิดจากการย่อยอาหารของสัตว์ลงจากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 27% รวมถึงกระบวนการที่เกิดจากการทำปุ๋ย 15% และที่สำคัญคือการลดปริมาณก๊าซมีเทนจากการปลูกข้าวให้ลดลงจากที่มีอยู่ถึง 57% ซึ่งขณะนี้ทางกรมการข้าวก็ได้พัฒนางานวิจัยและวิธีการปลูกข้าวเพื่อลดการปล่อยก๊าซมีเทนอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ดังนั้น การพัฒนางานวิจัยเพื่อลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อนจากภาคการเกษตรจึงเป็นเรื่องสำคัญที่กระทรวงเกษตรฯ จำเป็นต้องเร่งดำเนินการและหาทางแก้ไขเพื่อบรรเทาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลกระทบถึงการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก เพื่อให้ภาคเกษตรกลับมาเป็นส่วนสำคัญในการช่วยแก้ไขปัญหาโลกร้อนและสร้างความเป็นเกษตรกรรมที่ยั่งยืนได้ในอนาคต