หลังจากย้ายสถานที่จัดประชุมคณะรัฐมนตรีไปอยู่ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์(ร.11 รอ.) นานเกือบ 2 เดือน วันนี้คณะรัฐมนตรีได้ย้ายกลับมาประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลตามปกติแล้ว โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ขณะที่การรักษาความปลอดภัยยังเป็นไปตามแผนของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ภายใต้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
สำหรับการประชุมครม.มีวาระที่น่าสนใจ คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง จะรายงานผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ในช่วงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง
กระทรวงพาณิชย์ จะหารือมาตรการรองรับผลกระทบจากวิกฤติการณ์หนี้สินของกรีซที่อาจกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ทั้งมาตรการระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เนื่องจากวิกฤติครั้งนี้อาจส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจของในประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป(EU) และกระทบมาถึงไทยได้ เพราะ EU ถือเป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับ 2 ของไทย รองจากกลุ่มอาเซียน
ด้านนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ จะเสนอแก้ไขร่าง พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ส่งสัญญาณปฏิรูปตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับปรุงโครงสร้างองค์กรให้แข่งขันกับต่างประเทศได้
นอกจากนี้ จะเสนอขอจัดสรรเงินรางวัลข้าราชการ(โบนัส)ประจำปี 52 วงเงิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินเหลือจ่ายของกระทรวงการคลัง ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ(ก.พ.ร.) เสนอ รวมทั้งจะนำเรื่องการโอนงานราชการให้กับเอกชนรับผิดชอบประมาณ 33 งาน เข้าที่ประชุมครม.เพื่อพิจารณาด้วย
กระทรวงคมนาคม เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะ 6 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 54-59 โดยมีเงินลงทุนกว่า 62,503 ล้านบาท
กระทรวงแรงงานเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติงบประมาณกว่า 388 ล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินการตามมาตรการเยียวยาช่วยเหลือผู้ใช้แรงงาน และสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดง นอกจากนี้จะเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดงานที่คนต่างด้าวอาจทำได้
กระทรวงสาธารณสุข เสนอให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบประมาณกว่า 30 ล้านบาท เพื่อเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจจากการชุมนุม พร้อมขอให้อนุมัติงบประมาณตามโครงการไทยเข้มแข็งกว่า 1,400 ล้านบาทที่มีการเบิกจ่ายล่าช้า เพื่อดำเนินการโครงการพัฒนายกระดับสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เสนอร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ หรือเด็กหลอดแก้ว ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีกฎหมายบังคับใช้อย่างชัดเจน การออกกฎหมายฉบับนี้จะชัดเจนในเรื่องของการควบคุมสามีภรรยาที่มีบุตรยากให้ได้รับการรับรองตามกฎหมาย
สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ชงร่างระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการจัดให้มีโฉนดชุมชนเข้าสู่วาระพิจารณา พร้อมกับข้อเสนอแนวทางให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ดำเนินการจัดการที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินเป็นวาระพิจารณาเช่นกัน