หลังจากแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ประกาศยุติการชุมนุมเป็นเหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้แนวร่วมทั้งหมดเริ่มก่อเหตุป่วนเมือง โดยเฉพาะการวางเพลิงในพื้นที่ต่างๆ ได้แก่ ห้างเซ็นทรัลเวิลด์, ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่นสาขาดินแดง, การไฟฟ้านครหลวงสาขาคลองเตย, สำนักงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, ร้านโคคาสุกี้, โรงภาพยนตร์สยาม, ธนาคารกรุงเทพ สาขาอโศก และสาขาราชปรารภ โดยหลายจุดได้มีการยิงสกัดเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าไปดูแลสถานการณ์หรือดับเพลิงได้
รวมทั้งกลุ่มมวลชน นปช.ประกาศบุกสำนักงานของสื่อหลายแห่ง โดยมีมวลชนกลุ่มหนึ่งราว 300 คนได้บุกไปที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 และมีจักรยานยนต์เคลื่อนที่เร็วปาระเบิดเพลิงเข้าใส่อาคารมาลีนนท์ ขณะที่มีกระแสข่าวระบุว่ากลุ่มคนเสื้อแดงกำลังจะไปที่สำนักงานของบางกอกโพสต์และโพสต์ทูเดย์ รวมถึงสถานีโทรทัศน์ TNN ด้วย
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังเฝ้าติดตามสถานการณ์เหตุรุนแรงหลังกลุ่มผู้ชุมนุมที่นิยมใช้ความรุนแรงมีความไม่พอใจกรณีแกนนำกลุ่ม นปช.ประกาศยุติการชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ และเข้ามอบตัวต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา
"ยังติดตามสถานการณ์และสั่งการใกล้ชิด เพราะยังมีแนวร่วมก่อเหตุวางเพลิงตามจุดต่างๆ" นายสาทิตย์ กล่าว
รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้เจ้าของอาคารสถานที่ซึ่งอยู่ใกล้สถานที่ชุมนุมเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้น ส่วนในต่างจังหวัดนั้นแม้จะมีการประเมินสถานการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้วเพราะแกนนำฯ เคยพูดชี้นำมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะพยายามทำงานอย่างเต็มที่แม้จะเป็นไปด้วยความลำบาก
รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับสื่อมวลชนที่เป็นเป้าหมายของกลุ่มผู้ก่อการร้ายนั้น ได้ประสานศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)ให้ส่งเจ้าหน้าไปคุ้มครองดูแลความปลอดภัยให้แล้ว ส่วนสื่อมวลชนในพื้นที่คงต้องเพิ่มความระมัดระวัง และถอนตัวจากพื้นที่สุ่มเสี่ยง หากมีเหตุฉุกเฉินสามารถขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ใกล้ที่สุด
ขณะที่มีรายงานข่าวว่า ทางการกำลังพิจารณาถึงการประกาศเคอร์ฟิวในเขตกทม.เพื่อดูแลสถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในขณะนี้