นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้จัดทำการสำรวจเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงทางการเกษตรเพื่อใช้ประโยชน์เป็นแนวทางในการวางแผนพัฒนาด้านการเกษตรของประเทศ โดยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลในเดือนพฤษภาคม 2551 ซึ่งนับว่าเป็นครั้งที่ 4 ของการสำรวจ
พบว่า จากการสำรวจประเทศไทยมีผู้ถือครองทำการเกษตรทั้งสิ้น 5.8 ล้านราย ซึ่งในจำนวนนี้เกือบครึ่งหนึ่งเป็นผู้ถือครองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีจำนวน 2.7 ล้านราย (ร้อยละ 46.6) รองลงมาคือ ภาคเหนือมีจำนวน 1.3 ล้านราย (ร้อยละ 23.0) สำหรับภาคใต้มีจำนวน 9.4 แสนราย (ร้อยละ 16.2) และภาคกลางมีผู้ถือครองน้อยที่สุดจำนวน 8.3 แสนราย (ร้อยละ 14.2)
ในด้านการสำรวจเนื้อที่ถือครองทำการเกษตรทั้งประเทศมีทั้งสิ้น 112.6 ล้านไร่ โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีเนื้อที่ในการถือครองเพื่อทำการเกษตรมากที่สุด คือ 53.1ล้านไร่ (ร้อยละ 47.1) รองลงมาคือภาคเหนือ 25.8 ล้านไร่ (ร้อยละ 22.9) สำหรับภาคกลางมี 19.1 ล้านไร่ (ร้อยละ 17.0) และภาคใต้มีเนื้อที่ถือครองน้อยที่สุดคือ 14.6 ล้านไร่ (ร้อยละ 13.0)
เมื่อพิจารณาในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาจากปี 2546 พบว่า จำนวนผู้ถือครองทำการเกษตรเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็นจำนวน 5,181 ราย (ร้อยละ 0.1) แต่หากพิจารณาเนื้อที่ถือครองทำการเกษตรจากปี 2546 พบว่า ลดลงเล็กน้อยคือ 51,073 ไร่ (ร้อยละ 0.1) ขณะที่ผู้ถือครองทำการเกษตรของประเทศไทยยังคงมีเนื้อที่ถือครองทำการเกษตรโดยเฉลี่ยเท่ากับปี 2546 คือ 19.4 ไร่
นางจีราวรรณ ยังกล่าวอีกว่า ผู้ถือครองทำการเกษตรของประเทศไทยเกินครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 51.6) มีเนื้อที่ถือครองขนาด 10 - 39 ไร่ รองลงมา เป็นผู้ถือครองที่มีเนื้อที่ขนาดต่ำกว่า 6 ไร่ (ร้อยละ 24.6) สำหรับผู้ถือครองทำการเกษตรที่ถือครองเนื้อที่ขนาดใหญ่ (140 ไร่ขึ้นไป) มีเพียงร้อยละ 0.5 เท่านั้น
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า จำนวนผู้ถือครองเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือผู้ที่ถือครองเนื้อที่ขนาดเล็กต่ำกว่า 6 ไร่ (58,873 ราย หรือ ร้อยละ 4.3)
ผู้ถือครองทำการเกษตรส่วนใหญ่ (ร้อยละ 75.8) ทำการเกษตรในเนื้อที่ของตนเองอย่างเดียว ผู้ถือครองร้อยละ 15.8 ทำการเกษตรในเนื้อที่ของตนเองและทำการเกษตรในเนื้อที่ของผู้อื่นด้วย สำหรับผู้ที่ทำการเกษตรโดยไม่มีเนื้อที่ถือครองเป็นของตนเองเลยมีร้อยละ 8.4
ทั้งนี้ การครอบครองเอกสารสิทธิ์1/ ในเนื้อที่ของตนเอง (87.6 ล้านไร่) ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 63.6) มีเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนด/ ตราจอง/ นส.5/ นส.3/ และ นส.3 ก และ (ร้อยละ 23.5) เป็นการครอบครองเอกสารสิทธิ์ในที่ดินที่ได้รับการจัดสรรจากรัฐ เช่น สปก.4-01/ นค./ สทก./ กสน./ นส.2/ สค.1
จากเนื้อที่ถือครองทำการเกษตรทั้งประเทศ 112.6 ล้านไร่ พบว่า เนื้อที่ประมาณครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 50.6) เป็นที่ปลูกข้าว รองลงมาเป็นที่ปลูกพืชไร่ (ร้อยละ 19.7) ที่ปลูกยางพารา (ร้อยละ 12.1) และที่ปลูกพืชยืนต้น ไม้ผล และสวนป่า (ร้อยละ 10.5) ตามลำดับ
สำหรับการป้องกันและกำจัดศัตรูพืชพบว่า ผู้ถือครองที่ปลูกพืชร้อยละ 59.9 มีการป้องกันและกำจัดศัตรูพืช และวิธีการที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นการใช้สารเคมี (ร้อยละ 51.4)
เมื่อพิจารณาลักษณะการทำงานของสมาชิกในครัวเรือนที่มีอายุ 10 ปีขึ้นไป พบว่าส่วนใหญ่ (ร้อยละ 77.6) ทำงานเชิงเศรษฐกิจ โดยเป็นผู้ที่ทำงานเกษตรในที่ถือครองมากถึงร้อยละ 71.6 ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้ที่ทำงานเกษตรในที่ถือครองอย่างเดียวร้อยละ 34.0 ทำงานเกษตรในที่ถือครองและทำงานอื่นด้วยร้อยละ 37.6 ขณะที่ผู้ที่ไม่ได้ทำงานเกษตรในที่ถือครองเลยมีเพียงร้อยละ 5.9 และมีข้อสังเกตว่า สัดส่วนของผู้ที่ทำงานเกษตรในที่ถือครองอย่างเดียวมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 46.7 เป็น 37.1 และ 34.0 ในปี 2541 2546 และ 2551 ตามลำดับ
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า ผู้ถือครองทำการเกษตรเพียงร้อยละ 23.6 มีรายได้ของครัวเรือนมาจากการทำการเกษตรอย่างเดียว ขณะที่ผู้ที่มีรายได้จากการทำการเกษตรและจากแหล่งอื่นด้วยมีถึงร้อยละ 76.4 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ครัวเรือน ผู้ถือครองทำการเกษตรต้องพึ่งพิงรายได้จากแหล่งอื่นนอกจากการเกษตรด้วย ผู้ถือครอง มีรายได้จากผลผลิตทางการเกษตรอยู่ในช่วง 20,001 - 50,000 บาทมากที่สุด (ร้อยละ 29.3) รองลงมาคือ รายได้ 50,001 - 100,000 และ 100,001 บาทขึ้นไป ร้อยละ 22.7 และ 20.1 ตามลำดับ
เมื่อพิจารณาหนี้สินของครัวเรือนผู้ถือครอง พบว่า ผู้ถือครองเกินครึ่งหนึ่งมีหนี้สินเพื่อการเกษตร (ร้อยละ 59.9) โดยมีจำนวนเงินที่เป็นหนี้เพื่อการเกษตรทั้งสิ้น 364,575 ล้านบาท และพบว่าจำนวนเงินที่เป็นหนี้เกินครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 63.5) มาจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเ กษตร และร้อยละ 9.9 เป็นเงินกู้จากกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ