นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ว่า แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์ภัยแล้งดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ โดยยังมีปัญหาในพื้นที่ 25 จังหวัด แต่สถานการณ์ถือว่ายังไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ มีปริมาณน้ำทั้งหมด 35,185 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)หรือ 48% ของความจุอ่าง หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันพบว่าปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำปีนี้น้อยกว่าปี 52 ถึง 56%
"ขณะนี้ปริมาณน้ำในแหล่งชลประทานขนาดใหญ่ลดลงมาก โดยเฉพาะเขื่อนหลัก 2 แห่ง คือเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ โดยเขื่อนภูมิพล และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ต่างเหลือไม่ถึง 10% ของความจุของอ่างเก็บน้ำแต่ละแห่ง คาดว่าจะเพียงพอต่อการเพาะปลูกจนถึงเดือนกรกฎาคมนี้เท่านั้น"อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง
ดังนั้น จึงขอความร่วมมือเกษตรกรทางภาคเหนือตอนล่างและในเขตโครงการชลประทานเจ้าพระยาใหญ่ดังกล่าว เลื่อนการทำนาปีจากปกติเดือนพฤษภาคมออกไปจนกว่าจะเริ่มมีฝนตกชุกและมีปริมาณน้ำเพียงพอต่อการเพาะปลูก
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว น่าจะบรรเทาปัญหาเบาบางลงไปบ้าง แต่ก็อยากให้เกษตรกรชะลอการเพาะปลูกออกไปก่อนรอให้ฝนตกชุกมากกว่านี้ เพราะอาจจะเกิดปัญหาฝนทิ้งช่วงตามมาได้