บีพี พีแอลซี เปิดเผยในวันนี้ว่า ต้นทุนการแก้ปัญหาน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโกจนถึงขณะนี้พุ่งขึ้นเป็น 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยังไม่รวมเงิน 360 ล้านดอลลาร์ที่ต้องจ่ายในโครงการสร้างสันทราย (sand berm) จำนวน 6 แห่ง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันไหลเข้าสู่พื้นที่ชุ่มน้ำ (wetland) ในรัฐหลุยเซียนา
แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจาก พลเรือเอก แท็ด อัลเลน แห่งหน่วยยามฝั่งของสหรัฐ กล่าวว่า ปฏิบัติการกำจัดคราน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกของบริษัทบีพีอาจต้องใช้เวลายาวนานไปจนถึงฤดูใบไม้ร่วง และทางสหรัฐจำเป็นต้องหาอุปกรณ์เพิ่มเพื่อป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันดิบลอยเข้ามาถึงชายฝั่ง
ด้านนายโทนี่ เฮย์เวิร์ด ซีอีโอของบีพีเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวบีบีซีในวันนี้ว่า บีพี สามารถดักจับคราบน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกได้ราว 10,500 บาร์เรลเมื่อวานนี้ เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้านั้นที่สามารถดักจับได้เพียง 6,077 บาร์เรล โดยระบุว่าท่อท่อนใหม่ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิศวกรรมของบีพีนำมาต่อเข้ากับท่อน้ำมันที่รั่วเพื่อดูดน้ำมันให้ลอยขึ้นไปบนผิวน้ำและให้เรือทำการดักจับน้ำมันนั้น ช่วยให้ปฏิบัติการดักจับน้ำมันมีความคืบหน้ามากขึ้น นอกจากนี้ บีพียังเตรียมระบบที่สองรองรับเอาไว้ โดยจะเริ่มใช้ภายในสัปดาห์นี้
แท่นขุดเจาะ Deepwater Horizon ของบริษัทเกิดระเบิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 11 คน และแรงระเบิดยังทำให้น้ำมันไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโกหลายล้านแกลลอน โดยหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐประมาณการว่าน้ำมันดิบที่รั่วไหลลงสู่ท้องทะเลในขณะนี้อยู่ที่ระดับ 12,000 - 19,000 บาร์เรลต่อวัน