นายโทนี่ เฮย์เวิร์ด ซีอีโอของ บีพี พีแอลซี เปิดเผยว่า งบประมาณที่ใช้ในการแก้ปัญหาน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโกปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และ ณ วันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา บีพีสามารถดักจับน้ำมันได้ 11,100 บาร์เรลจากบ่อน้ำมันที่รั่วไหลลงสู่ท้องทะเล ซึ่งเป็นปริมาณที่มากกว่าวันก่อนหน้านั้น และสูงกว่าที่มีการประมาณการไว้เบื้องต้น
เฮย์เวิร์ดกล่าวว่า จนถึงขณะนี้บีพีใช้เงินในการแก้ปัญหาน้ำมันรั่วไปแล้ว 1.25 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 27 ล้านดอลลาร์/วัน เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่สิ้นสุด ณ วันที่ 1 มิ.ย.ที่ระดับ 24 ล้านดอลลาร์/วัน นอกจากนี้ นายเฮย์เวิร์ดยืนยันว่า ท่อท่อนใหม่ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิศวกรรมของบีพีนำมาต่อเข้ากับท่อน้ำมันที่รั่วเพื่อดูดน้ำมันให้ลอยขึ้นไปบนผิวน้ำและให้เรือทำการดักจับน้ำมันนั้น ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถดักจับน้ำมันได้ในปริมาณมาก ขณะเดียวกัน บีพีกำลังเตรียมระบบที่สองสำรองเอาไว้เพื่อดักจับคราบน้ำมันให้ได้มากขึ้น โดยจะเริ่มใช้ภายในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ นายเฮย์เวิร์ดยืนยันว่า เขาจะไม่ยอมย่อท้อในการแก้ปัญหาน้ำมันรั่ว และระบุว่าบีพีมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งพอที่จะใช้จ่ายในการทำความสะอาดท้องทะเล และการทำงานของบีพียังคงเป็นอิสระ
เจ้าหน้าที่หน่วยยามฝั่งของสหรัฐระบุว่า คราบน้ำมันได้รั่วไหลกระจายเป็นวงกว้างถึง 140 ไมล์ที่บริเวณชายฝั่งรัฐหลุยเซียนา อลาบามา และมิสซิสซิปปี รวมทั้งไหลเป็นวงกว้างถึง 80 ไมล์ในชายฝั่งรัฐฟลอริดา ขณะที่คณะนักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลสหรัฐคาดการณ์ว่า น้ำมันที่รั่วไหลจากบ่อน้ำมันของบีพีมีปริมาณมากถึง 12,000 - 19,000 บาร์เรล/วัน
นายดั๊จ ซัทเทิลส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของบีพีกล่าวว่า บีพีกำลังพยายามดักจับน้ำมันให้มากขึ้นโดยใช้ระบบดักจับที่นำมาใช้ล่าสุด โดยเขาคาดว่าอุปกรณ์ที่มีอยู่นี้จะสามารถดักจับคราบ้ำมันได้ 90% ของปริมาณน้ำมันที่รั่วไหล
ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวว่า ชุมชนในเขตกัล์ฟโคสต์ที่ได้รับความเดือนร้อนจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วควรได้รับเงินชดเชยอย่าง "เต็มจำนวน" จากบีพีและหน่วยงานของรัฐ
ราคาหุ้นบีพีดิ่งลงไปแล้ว 34% นับตั้งแต่แท่นขุดเจาะ Deepwater Horizon ของบีพีระเบิดเมื่อวันที่ 20 เม.ย. จนเป็นให้มีคนงานเสียชีวิต 11 คนและให้น้ำมันรั่วลงสู่อ่าวเม็กซิโกจำนวนมาก