เทศบาลเมืองเสิ่นเจิ้น ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมในมณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของจีน ตัดสินใจขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 10% เป็น 1,100 หยวนต่อเดือน (161.04 ดอลลาร์สหรัฐ) จากปัจจุบันที่ 1,000 หยวน โดยจะมีผลตั้งแต่เดือนก.ค.นี้
หวัง หมิน หัวหน้าสำนักงานประกันสังคมและทรัพยากรบุคคลของเมืองเสิ่นเจิ้น กล่าวว่า สำหรับพนักงานพาร์ทไทม์นั้น จะได้ค่าแรงต่อชั่วโมง เพิ่มขึ้นเป็น 9.8 หยวน
"การขึ้นค่าแรงจะทำให้บริษัทที่ต้องใช้แรงงานเป็นจำนวนมากมีต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ผมหวังว่าบริษัทเหล่านั้นจะถือโอกาสนี้เร่งปรับปรุงนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเพื่อส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน" นายหวังกล่าว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของเทศบาลเมืองเสิ่นเจิ้นมีขึ้นตามหลังการขึ้นค่าแรงในหลายเมืองและหลายบริษัทในประเทศจีนในช่วงนี้ ซึ่งรวมถึงเมืองหลวงอย่างกรุงปักกิ่งซึ่งจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 20% เป็น 960 หยวนต่อเดือน จาก 800 หยวน มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ค.นี้เช่นกัน
สำหรับการขึ้นค่าแรงมากที่สุดนั้น เกิดขึ้นที่โรงงานของบริษัทฟอกซ์คอนน์ในเมืองเสิ่นเจิ้น โดยบริษัทจะขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานถึง 66% เป็น 2,000 หยวนต่อเดือนตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ซึ่งการตัดสินใจของบริษัทผู้รับจ้างผลิตสินค้าไอทีสัญชาติไต้หวันรายนี้มีขึ้นหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ซึ่งส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตลาดแรงงานในประเทศจีนเป็นวงกว้าง เมื่อพนักงานที่โรงงานในเสิ่นเจิ้นพากันฆ่าตัวตายติดๆกันถึงสิบคนในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี
ขณะที่ พนักงานที่โรงงานหลายแห่งในประเทศจีนของบริษัทฮอนด้าก็ได้ผละงานประท้วงเพื่อขอขึ้นค่าแรง ส่งผลให้การผลิตต้องหยุดชะงัก