ก.เกษตรฯเผยปี53แล้งสุดในรอบ18ปีสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำใหญ่ยังน่าห่วง

ข่าวทั่วไป Friday June 11, 2010 09:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในขณะนี้ว่า เป็นการเกิดภัยแล้งที่มากที่สุดเหมือนเมื่อ 18 ปีที่แล้วโดยขณะนี้สามารถเก็บกักปริมาณน้ำฝน ได้ลดลงเหลือเพียง 7 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร จากปริมาณน้ำน้ำที่เคยมีกว่า 2 แสนล้านลูกบาศก์เมตรหรือเพียงแค่ 1 ใน 3 เท่านั้นส่งผลให้อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางมีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 34,531 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 47 ของความจุอ่างฯทั้งหมด

โดยเฉพาะปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆ ในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา ไม่ว่าจะเป็นเขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 4,217 ล้านลูกบาศก์เมตรคิดเป็นร้อยละ 31 ของความจุอ่างฯทั้งหมด เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 3,374 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 35ของความจุอ่างฯทั้งหมด เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลกมีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 127 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 17 ของความจุอ่างฯทั้งหมด และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 88 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 9 ของความจุอ่างฯทั้งหมด

"สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่ยังคงมีปริมาณน้ำลดลง"

สำหรับในพื้นที่ภาคตะวันออก ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมหลักของประเทศ นั้นในพื้นที่ จ.ชลบุรี สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำที่สำคัญ 7 แห่งมีปริมาตรน้ำรวมกันทั้งสิ้น 74.9 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 42ของความจุอ่างฯทั้งหมด

ส่วนในเขตพื้นที่จ.ระยองปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำที่สำคัญ 4 แห่งรวมกันมีปริมาตรน้ำทั้งสิ้น 321.8 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 61 ของความจุอ่างฯทั้งหมดสถานการณ์น้ำในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกไม่มีปัญหาแต่อย่างใดเนื่องจากปริมาณน้ำที่มีอยู่กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้วางแผนและจัดสรรน้ำไว้อย่างเพียงพอสำหรับทุกกิจกรรมการใช้น้ำ

ด้านนายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากภาวะแล้งจะทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำแต่ที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งพยายามแก้ปัญหา โดยการจัดทำฝนหลวงการแจ้งเตือนและจัดทำมาตรการจัดทำระบบการปลูกข้าวใหม่รวมถึงยังเร่งดำเนินการที่จะสร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อกักเก็บน้ำในการอุปโภค-บริโภคและรักษาระบบนิเวศน์ในลำน้ำอย่างต่อเนื่อง แต่ยังพบอุปสรรคด้านผลกระทบต่างๆทำให้การพัฒนาจัดหาแหล่งน้ำไม่สามารถพัฒนาได้เท่าที่ควรโดยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาสามารถดำเนินโครงการเขื่อนขนาดใหญ่แค่ 3 แห่งคือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี เขื่อนคลองท่าด่าน และเขื่อนแควน้อยซึ่งล้วนเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ดังนั้น ในเร็วๆนี้กรมชลประทานจะเร่งจัดทำโครงการสร้างเขื่อนเพิ่มอีก 2 แห่งคือเขื่อนคลองหลวง จังหวัดชลบุรี ซึ่งตาม แผนงานดำเนินงานโครงการระยะเวลา 7 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2559 โดยผลประโยชน์ของโครงการพื้นที่เพาะปลูกข้าวในฤดูฝน 44,000 ไร่ พื้นที่เพาะปลูกข้าวในฤดูแล้ง 6,000 ไร่ พื้นที่เพาะปลูกพืชไร่ในฤดูแล้ง 2,500 ไร่ส่งน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค และการอุตสาหกรรม 11.90 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และเขื่อนห้วยโสมงจังหวัดปราจีนบุรีมีความจุในระดับเก็บกัก 295 ล้านลูกบาศก์เมตรคาดว่าจะช่วยบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำปราจีนบุรี และลุ่มน้ำบางปะกงตอนบน ที่เกิดขึ้นทุกปีและส่งน้ำเพื่อการเกษตรในเขตชลประทานได้ตลอดทั้งปีครอบคลุมพื้นที่กว่า 111,300 ไร่ ในเขตอำเภอนาดี และอำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ