หน่วยยามฝั่งของสหรัฐ มีคำสั่งให้บริษัทบีพีปรับปรุงแผนการควบคุมน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโกภายใน 48 ชั่วโมง เพราะความพยายามของบีพียังไม่มากพอที่จะควบคุมการรั่วไหลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พลเรือเอก เจมส์ วัตสัน แห่งหน่วยยามฝั่งของสหรัฐกล่าวว่า แผนการควบคุมน้ำมันรั่วของบีพีในปัจจุบันยังไม่ดีพอที่จะยับยั้งหายนะที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้ ซึ่งทางหน่วยยามฝั่งสหรัฐให้เวลาบีพี 48 ชั่วโมงในการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมน้ำมันรั่ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำมันรั่วออกมาอย่างต่อเนื่องจนไม่สามารถควบคุมได้ ทำเนียบขาวระบุว่า เหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโกนับตั้งแต่ที่แท่นขุดเจาะ Deepwater Horizon ของบีพีระเบิดเมื่อวันที่ 20 เม.ย. และจมลงนอกชายฝั่งของรัฐหลุยเซียนา จนส่งผลให้มีคนงานเสียชีวิต 11 รายนั้น ถือเป็นหายนะด้านสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ ขณะที่นักวิจัยจากหน่วยงานสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐ กล่าวว่า ปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโกอยู่ที่ระดับ 20,000 - 40,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ถึงสอง
ทั้งนี้ พลเรือเอกวัตสันกล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากการประเมินครั้งใหม่ของนักวิจัยของสหรัฐ ทำให้หน่วยยามฝั่งสหรัฐต้องสั่งการให้บีพีปรับปรุงแผนการควบคุมน้ำมันรั่วในครั้งนี้ "เรากังวลว่าแผนปัจจุบันของบีพีจะไม่สามารถรับมือกับการรั่วไหลได้ดีพอ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากการประเมินครั้งใหญ่ของนักวิจัยด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เห็นว่าแผนการควบคุมน้ำมันรั่วที่บีพีใช้อยู่ในปัจจุบันนั้น ยังไม่ดีพอ" พลเรือเอกวัตสันกล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงาน
นายคาร์ล-เฮนริค สแวนเบิร์ก ประธานกรรมการบริษัทบีพีถูกเรียกตัวไปยังกรุงวอชิงตันเพื่อเข้าพบประธานาธิบดีบารัค โอบามา โดยรัฐบาลสหรัฐกำลังกดดันบริษัทด้านพลังงานสัญชาติอังกฤษรายนี้ให้เร่งดำเนินการจ่ายเงินชดเชยโดยเร็ว หลังจากที่เหตุแท่นขุดเจาะของบีพีระเบิดได้สร้างหายนะทางสิ่งแวดล้อมครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ