นายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลักหลายเขื่อนยังอยู่ในขั้นวิกฤต แม้ว่าจะมีฝนตกกระจายในหลายพื้นที่และมีการทำฝนหลวงต่อเนื่องก็ตาม แต่ยังไม่ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนได้เพียงพอกับความต้องการใช้ โดย กรมชลประทาน มีการระบายน้ำออกจากเขื่อนเพื่อการอุปโภคบริโภค จาก 33 เขื่อนชลประทานทั่วประเทศ
ทั้งเขื่อนขนาดใหญ่และขนาดเล็ก โดยเฉพาะปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ เหลือน้ำรวมกันเพียงพอการใช้อุปโภคบริโภคเพียงแค่ 50 วัน ซึ่งคาดการณ์ว่าในช่วงฤดูฝนปีนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์จะมีรวมกันประมาณ 6,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ไม่นับรวมลมมรสุมที่จะเข้ามาช่วงปลายฤดูฝน แต่หากฝนไม่ตกลงมาต่อเนื่องจะส่งผลให้ในเดือน ก.ค.นี้จะเกิดภาวะฝนทิ้งช่วง และทำให้เกิดปัญหาภัยแล้งเข้าขั้นวิกฤตหนักขึ้น
สำหรับมาตรการลดการปลูกข้าวของเกษตรกรลงเหลือ 2 ครั้งต่อปี ไม่ได้เป็นการบังคับ แต่เป็นมาตรการปรับเปลี่ยนระบบการปลูกข้าวของไทยใหม่เป็น 4 แนวทาง เช่น การปลูกข้าวแล้วปลูกพืชใช้น้ำน้อยและกลับมาปลูกข้าวอีกครั้ง , การปลูกข้าว 2 รอบแล้วมาปลูกพืชใช้น้ำน้อย ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาน้ำสำหรับการทำการเกษตร โดยเฉพาะการปลูกข้าวนอกฤดูกาลที่ต้องใช้น้ำมาก หากเกษตรกรไม่มีการปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกข้าวใหม่ก็จะเกิดปัญหาขาดแคลนน้ำซ้ำซากทุกปี