นายถนอม อ่อนเกตุพล โฆษกกรุงเทพมหานคร แจ้งว่า กรุงเทพมหานครพิจารณาแล้วพบว่าเพลิงไหม้ในย่านราชประสงค์ เป็นลักษณะเขตเพลิงไหม้ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 2 พ.ศ.2535 และแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3 พ.ศ.2543 ซึ่งได้ประกาศให้เป็นเขตเพลิงไหม้รวม 3 บริเวณ คือ บริเวณห้างสรรพสินค้าเซนและศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เนื้อที่ 7 ไร่ 1 งาน 22 ตารางวา ซึ่งมีพื้นที่บางส่วนไม่ได้รับความเสียหาย ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ เนื้อที่ 6 ไร่ 85 ตารางวา และบริเวณสยามสแควร์ ซอย 4, 5 และ 6 เนื้อที่ 7 ไร่ 37 ตารางวา มีอาคารถูกเพลิงไหม้ 59 คูหา
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครแจ้งว่า บริเวณเพลิงไหม้ทั้ง 3 แห่ง ไม่จำเป็นต้องปรับปรุงเขตเพลิงไหม้ เนื่องจากบริเวณห้างสรรพสินค้าเซนและศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เพียงรายเดียว สามารถพัฒนาพื้นที่ด้วยตนเองได้ อีกทั้งพื้นที่ดังกล่าวมีโครงข่ายคมนาคมโดยรอบเพียงพอ และสามารถใช้ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารและกฎกระทรวงให้ใช้ผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2549 มาควบคุมการใช้พื้นที่ดังกล่าวได้
ส่วนห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ เป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชนรายเดียว คือ บ.จิตตสุข จำกัด บริเวณสยามสแควร์ ซอย 4, 5 และ 6 เป็นกรรมสิทธิ์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพียงรายเดียว ก็ไม่จำเป็นต้องปรับปรุงเขตเพลิงไหม้เนื่องจากสามารถพัฒนาพื้นที่ด้วยตนเองได้ อีกทั้งมีโครงข่ายคมนาคมโดยรอบเพียงพอ สามารถใช้ พ.ร.บ.และกฎกระทรวงควบคุมการใช้พื้นที่ดังกล่าวได้
สำหรับการพิจารณาการไม่ปรับปรุงเขตเพลิงไหม้ทั้ง 3 บริเวณ อยู่ระหว่างรอการพิจารณาของคณะอนุกรรมการพิจารณาแผนผังปรับปรุงเขตเพลิงไหม้ ซึ่งจะประชุมในวันที่ 15 มิ.ย.53 และคณะกรรมการควบคุมอาคารซึ่งจะประชุมในวันที่ 17 มิ.ย.53 โดยการพิจารณาว่าสมควรจะมีการปรับปรุงเขตเพลิงไหม้หรือไม่ จะพิจารณาจำนวนหลังคาเรือนที่ถูกเพลิงไหม้ เนื้อที่บริเวณเพลิงไหม้ เจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินและอาคาร การใช้ประโยชน์ที่ดินปัจจุบันและตามผังเมืองรวม การเข้าถึงพื้นที่และระบบคมนาคมขนส่ง ข้อมูลสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ และคำนึงถึงประโยชน์การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมืองและสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร