กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ระบุว่า ประเทศไทย สิงคโปร์ และเวียดนาม มีความพยายามที่ถดถอยในเรื่องการปราบปราบการลักลอบค้ามนุษย์ทั้งชาย หญิง และเด็ก เพื่อนำมาใช้เป็นแรงงานหรือค้าประเวณีในปีที่แล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้จัดอันดับให้ ประเทศไทย สิงคโปร์ และเวียดนาม อยู่ในกลุ่ม middle-tier ของประเทศที่ต้องถูกจับตา (watch list) เรื่องความพยายามในการปราบปรามการลักลอบค้ามนุษย์ โดยอยู่สูงกว่าเกาหลีเหนือ พม่า และซาอุดิอาระเบีย ซึ่งติดกลุ่ม worst offenders หรือประเทศที่มีความพยายามในการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ที่ย่ำแย่ที่สุด เพียงขั้นเดียวเท่านั้น
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ออกรายงานทุกๆ 10 ปี เพื่อจัดอันดับ 175 ประเทศในด้านความพยายามต่อต้านการลักลอบค้ามนุษย์ ซึ่งการจัดอันดับในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่สหรัฐติดกลุ่มประเทศที่มีความพยายามดีที่สุดในการทำตามกฎหมาย Trafficking Victims Protection Act ซึ่งเป็นกฎหมายของสหรัฐที่กำหนดขึ้นเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์
รายงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า รัฐบาลสิงคโปร์มีความพยายามไม่มากพอในการจัดการกับการลักลอบค้าประเวณี โดยมีการจับกุมผู้ทำผิดกฎหมายเพียง 2 รายเท่านั้นในปีที่แล้ว ส่วนไทยและเวียดนาม แทบจะไม่มีความคืบหน้าในการต่อต้านการลักลอบค้ามนุษย์
ขณะที่มาเลเซียได้รับการปรับเพิ่มอันดับดีขึ้นจากเดิมที่ติดกลุ่มประเทศที่มีความพยายามย่ำแย่ที่สุด เนื่องจากในปีที่ผ่านมา รัฐบาลมาเลเซียได้สั่งดำเนินคดีอาญากับผู้ที่ลักลอบค้ามนุษย์ ส่วนกัมพูชาและปากีสถานถูกถอดถอนออกจากรายชื่อที่ต้องถูกจับตา เพราะรัฐบาลกัมพูชามีความพยายามมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในการปราบปรามพฤติกรรมดังกล่าว ส่วนปากีสถานก็ได้เพิ่มความพยายามในการต่อต้านการค้าแรงงานผิดกฎหมาย
กระทรวงการต่างประเทศระบุด้วยว่า สหรัฐเป็นดินแดนขนถ่ายและเป็นจุดหมายปลายทางของผู้ที่ถูกบีบบังคับให้ใช้แรงงาน ทำงานใช้หนี้ และค้าประเวณี โดยผู้เคราะห์ร้ายส่วนใหญ่ถูกบังคับให้ทำงานในโรงงาน บริการทำความสะอาด การเกษตร ให้บริการในโรงงาน งานก่อสร้าง ร้านแต่งเล็บ ดูแลผู้สูงอายุ ระบำเปลื้องผ้า และเป็นคนรับใช้ตามบ้าน
องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ประมาณการว่า มีประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อการถูกบังคับให้ขายแรงงาน ค้าประเวณี ทำงานใช้หนี้ และเกณฑ์เด็กไปเป็นทหาร ราว 12.3 คนทั่วโลกในปี 2552