In Focusเกาะกระแสเวิลด์คัพฟีเวอร์ สุดยอดเกมกีฬาที่กระชับพื้นที่หัวใจคนทั้งโลก

ข่าวต่างประเทศ Wednesday June 16, 2010 13:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ถึงนาทีนี้ โลกทั้งใบของเราก็ถูกกระแส "เวิลด์คัพฟีเวอร์" ครอบงำไปเรียบร้อยแล้ว โดยก่อนที่มหกรรมลูกหนังที่ทั่วโลกรอคอยจะเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา บรรดาแฟนบอล โดยเฉพาะหนุ่มๆ ทั้งหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ ก็ได้อุ่นเครื่อง(จนร้อน) ด้วยลีลาสะบัดสะโพกพริ้วไหวของนักร้องสาวเซ็กซี่ ชาคีร่า ที่ได้รับการวางตัวให้ทั้งร้องเล่นเต้นเพลง Waka Waka (This Time for Africa) เพลงประจำการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ครั้งนี้ ซึ่งนักร้องสาวชาวละตินที่นอกจากสวยแล้วยังใจบุญผู้นี้ก็ออกมาโปรยเสน่ห์บนหน้าจอสร้างสีสันก่อนศึกเวิลด์คัพคิกออฟได้เป็นอย่างดี

ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคมนี้ ความสนใจของคนค่อนโลกพุ่งเป้าไปที่แอฟริกาใต้ เพราะไม่มีใครอยากพลาดมหกรรมกีฬาที่สี่ปีจะมีครั้งอย่างฟุตบอลโลก สำหรับคนไทยเราที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ใส่เสื้อแบ่งสีและสำลักควันไฟแห่งความขัดแย้ง ก็ยังพร้อมใจกันต้อนรับกระแสเวิลด์คัพฟีเวอร์ไม่น้อยไปกว่าปีก่อนๆ คนทำงานออฟฟิศ ข้าราชการ ชาวบ้านร้านตลาด ทั้งในตรอกซอกซอย แทบจะไม่มีใครพูดเรื่องอื่นนอกจากฟุตบอลโลก ชอบทีมไหนเชียร์ทีมนั้น รักทีมไหนใส่เสื้อทีมนั้น หลายคนเคยคิดต่างเรื่องการเมืองจนถึงขนาดใส่เสื้อแบ่งสีเพื่อชี้ขาดว่าเลือกข้างไหน แต่เมื่อกระแสบอลโลกมาเยือนก็ยิ้มเริงร่าและไม่ว่าอะไรสักนิดหากเพื่อนรอบข้างจะเลือกกรี๊ดทีมคู่แข่ง เราจึงเห็นผู้คนใส่เสื้อหลากทีมนั่งเชียร์ฟุตบอลโลกอยู่โต๊ะเดียวกันแต่ไม่ทะเลาะกัน ผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ไปจนถึงธุรกิจโฆษณา รับอานิสงส์กันเป็นกอบเป็นกำจากกระแสบอลโลก เพราะต่างก็รู้ดีว่าไม่มีเทศกาลไหนที่ยอดขายจะพุ่งพรวดได้มากไปกว่าเทศกาลฟุตบอลโลก จึงพาเหรดกันทำมาร์เก็ตติ้งและวางกลยุทธ์เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดกันอย่างคึกคัก เราจึงเห็นบรรจุภัณฑ์ของสินค้าตั้งแต่เครื่องดื่มกระป๋องไปจนถึงขนมขบเคี้ยวถูกสกรีนด้วยลายธงชาติทีมดังที่ถูกหมายตาว่าจะได้ครองถ้วยฟุตบอลโลก ที่ขาดไม่ได้คือโลโก้ "ซาคูมิ" มาสคอตสัญลักษณ์การแข่งขันฟุตบอลโลกประจำปีนี้

          หลายชาติอยากเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ด้วยความหวังว่าที่ว่ากระแสฟุตบอลโลกจะทำให้เม็ดเงินมหาศาลสะพัดเข้าสู่ประเทศเจ้าภาพ ไม่เว้นแม้แต่แอฟริกาใต้ที่วาดหวังว่าการจัดฟุตบอลโลกจะช่วยให้เศรษฐกิจในประเทศตนเองเฟื่องฟูไม่น้อยหน้าโลกตะวันตก แต่กว่าแอฟริกาใต้จะเบียดตัวเองขึ้นมาชิงตำแหน่งเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2010 ได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย
          หลายฝ่ายมองว่าแอฟริกาใต้เป็นดินแดนที่ไม่เหมาะสมในหลายๆด้านที่จะจัดมหกรรมกีฬาระดับโลกอย่างฟุตบอลโลก จึงมีคนจำนวนมากพยายามคัดค้านกันตั้งแต่ต้น ทั้งนี้ก็เพราะ แม้แอฟริกาใต้จะมีเศรษฐกิจที่เติบโตสูงสุดในทวีปแอฟริกา แต่ก็ประสบกับปัญหาการกระจายรายได้ที่ไม่เท่าเทียมกัน โดยเงินทุนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของคนผิวขาวและคนผิวดำที่อยู่ในแวดวงการเมืองเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น คนจนและผู้ใช้แรงงานผิวดำส่วนใหญ่ของแอฟริกาใต้ยังคงมีคุณภาพชีวิตที่ย่ำแย่ ส่งผลให้เกิดปัญหาสังคมและอาชญากรรมซึ่งมีความรุนแรง อาทิ การข่มขืน การค้าและเสพยาเสพติด และการทุจริต นอกจากนี้ แอฟริกาใต้มีพรมแดนติดกับประเทศซิมบับเวซึ่งกำลังประสบปัญหาโรคอหิวาตกโรคระบาด และโครงสร้างเศรษฐกิจล่มสลาย ทำให้มีผู้อพยพผิดกฎหมายชาวซิมบับเวหลบหนีเข้ามาอยู่บริเวณชายแดน และลักลอบเข้าไปในเมืองโจฮันเนสเบิร์กของแอฟริกาใต้เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ แอฟริกาใต้ยังประสบปัญหาเชื้อเอชไอวี/เอดส์ระบาดอย่างรุนแรง ในปัจจุบัน แอฟริกาใต้มีอัตราการติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ในผู้ใหญ่ เป็นอันดับ 5 ของโลกรองจาก สวาซิแลนด์ บอตสวานา เลโซโท และ ซิมบับเว ตามลำดับ
          แต่ในที่สุด แอฟริกาใต้ ก็สามารถฝ่าฟันแรงกดดันและคู่แข่งจนได้เป็นเจ้าภาพจัดงานฟุตบอลโลก 2010 อย่างเป็นทางการ ซึ่งรัฐบาลตัดสินใจเปิดสนามแข่งขันหลักใน 3 เมืองใหญ่ ได้แก่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก เมืองพริทอเรีย และเมืองเดอร์แบน ทุ่มทุนก่อสร้างระบบคมนาคมและขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ รวมทั้งปรับปรุงภูมิทัศน์ และก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในเมืองใหญ่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเยือนแอฟริกาใต้ในช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากนั้น ประเทศที่มีอาณาเขตติดกันแอฟริกาใต้ โดยเฉพาะ สวาซิแลนด์ บอตสวานา แซมเบีย และโมซัมบิก ก็หวังว่าจะได้รับอิทธิพลเชิงบวกต่อธุรกิจท่องเที่ยวของตนจากการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกของแอฟริกาใต้ด้วย
          แอฟริกาใต้เนรมิตพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 อย่างยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา ณ สนาม ซ็อคเกอร์ ซิตี้ ในเมืองโจฮันเนสเบิร์ก ท่ามกลางแฟนฟุตบอลในสนามเต็มความจุ 90,000 ที่นั่ง แต่ที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งก็คือ เนลสัน แมนเดลา อดีตประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ วัย 91ปี ที่จำเป็นต้องยกเลิกการร่วมพิธีเปิด เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับ เซนานี แมนเดลา เหลนวัย 13 ปี ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ พิธีเปิดฟุตบอลโลก 2010 เริ่มเปิดฉากด้วยการแสดงของฮิวจ์ มาเซเคลา นักร้องซูเปอร์สตาร์ของเจ้าภาพ ต่อด้วย อาร์.เคลลี นักร้องผิวสีแนวอาร์แอนด์บีชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา ขึ้นร้องเพลง Sign of a Victory ร่วมกับนักร้องท้องถิ่นจากย่านโซเวโต จากนั้นเป็นเกมนัดเปิดสนามระหว่างแอฟริกาใต้ กับ เม็กซิโก .. ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง เพราะนักเตะแห่งดินแดนกาฬทวีปเป็นผู้ยิงประตูแรกได้ในศึกฟุตบอลโลก 2010 จนเรียกเสียงเชียร์กึกก้องสนาม แม้ในท้ายที่สุดจะเสมอกับเม็กซิโก 1 - 1 ก็ตาม
          สินค้าขายดีในเทศกาลเวิล์ดคัพฉบับซาฟารี นอกเหนือจาก "ซาคูมิ" สินค้าสัญลักษณ์นำโชค หรือ มาสคอต ของฟุตบอลโลกปีนี้แล้ว ยังมี "วูวูเซล่า" แตรพื้นเมืองแอฟริกาใต้เมื่อเป่าแล้วมีเสียงดังสนั่น แต่ช่วงหลังๆ นักเตะหลากหลายเชื้อชาติเริ่มบ่นกันอุบ เพราะรำคาญเสียงเจ้าวูวูเซล่าเหลือทน เพราะถ้าเป่ากันสุดปอดจริงๆ วูวูเซล่าจะส่งเสียงดังถึง 130 เดซิเบล กระทั่งล่าสุดโปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์ของเยอรมนีสั่งห้ามตัดภาพวูวูเซล่าขึ้นจอยักษ์ตามแหล่งชุมชนที่มีการถ่ายทอดสดการแข่งขัน เพราะห่วงว่าวูวูเซล่าจะสร้างมลภาวะทางเสียงจนเกิดปัญหาสุขภาพกับผู้ชม ... ผลพวงของเสียงที่ดังเกินเหตุของวูวูเซล่านี้เอง ทำให้พ่อค้าหัวใส รีบผลิตสินค้าที่ชื่อ "วูวู-สต็อป" ที่อุดหูที่สามารถลดทอนเสียงวูวูเซล่าไม่ให้รบกวนประสาทหูชั้นในได้อย่างเห็นผล ทำเอายอดขาย วูวู-สต็อป พุ่งแซงหน้ายอดขายแตรวูวูเซร่าเลยทีเดียว
          ในการเป็นเจ้าภาพจัดงานฟุตบอลโลกครั้งนี้ แอฟริกาใต้ไม่พลาดที่จะนำดอก "คิง โพรเทีย" ดอกไม้ประจำชาติที่มีสีสันสวยงามออกมาประดับประดาทั่วเมือง นอกจากนี้ ประชาชนชาวแอฟริกายังออกอาการตื่นเต้นและยอมให้ความร่วมมือกับทางรัฐบาลในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน แม้ม็อบข้าราชการแอฟริกาใต้ที่เคยประกาศก้องว่าจะผละงานประท้วงระหว่างการแข่งขันฟุตบอลโลก ก็ยังยอมสลายม็อบไปชั่วคราว เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีของการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกปีนี้ด้วย

เวิลด์คัพ 2010 ไม่เพียงแต่สร้างสีสันและโอกาสให้ดินแดนกาฬทวีปเท่านั้น แต่ยังทำให้ประเทศทั่วโลกเชื่อมั่นว่า ที่สุดของเกมกีฬ่าที่ 4 ปีมีครั้งนี้ จะทำให้เม็ดเงินสะพัดในแทบทุกวงการ ตั้งแต่ภาคค้าปลีก ธุรกิจบันเทิง โฆษณา อาหารและเครื่องดื่ม ฯลฯ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยซึ่งเปิดเผยผลสำรวจจากพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลฟุตบอลโลก 2010 คาดว่า ฟุตบอลโลก 2010 จะทำให้ประเทศไทยมีเงินสะพัดจากการใช้จ่ายราว 59,600 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.7% จากเทศกาลฟุตบอลยูโร 2008 และน่าจะมีผลช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้ได้ราว 0.2 - 0.3% ขณะที่ นีลเส็น ผู้ให้บริการข้อมูลและสื่อระดับโลก คาดการณ์ว่า ศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้จะช่วยให้ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการโฆษา และอัตราการบริโภคอาหารทั่วโลกพุ่งขึ้นอย่างมาก และจะช่วยกระตุ้นให้บริษัทผลิตอุปกรณ์กีฬาชั้นนำทำยอดขายได้อย่างมหาศาล

ไม่เว้นแม้แต่สินค้าจำพวกอากรแสตมป์ที่การไปรษณีย์ทั่วโลกพร้อมใจกับออกแสตมป์ชุดบอลโลกออกวางขายกันคึกคัก ส่วนที่ประเทศไทยเรานั้น ไปรษณีย์ไทย ร่วมกับเฮาส์ ออฟ แสตมป์ เอาใจคอบอลและนักสะสมด้วยแสตมป์ฟุตบอลโลก ด้วยคอลเล็กชั่นหลากหลาย รวมถึงรูปมาสคอต ซาคูมิ ในชุดกีฬาสีเหลืองและสีเขียว ซึ่งเป็นสีเสื้อทีมแอฟริกาใต้

ผลสำรวจของเว็บไซต์ renren.com ในประเทศจีนเผยว่า การค้าขายในจีนคึกคักขึ้นนับตั้งแต่ศึกฟุตบอลโลก 2010 เปิดฉากเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา รวมถึงยอดขายทีวีจอแบนที่พุ่งพรวดเกือบ 2 เท่า ขณะที่รายได้ในร้านอาหาร คลับบาร์ หรือแม้กระทั่งแผงลอยข้างทาง ก็พากันรับอานิสงส์ฟุตบอลโลกกับเค้าด้วย ธุรกิจอีกกลุ่มที่ได้ประโยชน์คือธุรกิจขายธงชาติ วิกผม และเครื่องประดับต่างๆ สำหรับใส่เชียร์ฟุตบอล ส่วนที่ญี่ปุ่นนั้น จำนวนผู้ชมการแข่งขันโดยเฉลี่ยพุ่งมาอยู่ที่ 44.7% จึงทำให้ทั้งธุรกิจโฆษณาและค้าปลีกทำยอดขายพุ่งพรวดกันถ้วนหน้า

          ช่วงนี้เดินไปที่ไหน ก็ได้ยินแต่คนฮัมเพลง Oh Africa หรือไม่ก็ Waka Waka ผู้คร่ำหวอดในวงการฟุตบอลบางคนให้ทัศนะว่า เพลง Waka Waka น่าจะเป็นเพลงที่ฮิตที่สุดในบรรดาเพลงประจำการแข่งขันฟุตบอลโลก ซึ่งอาจเป็นเพราะเสน่ห์ของน้องหนูชาคีร่า บวกกับความสดใสของตัวเพลง ทำให้ Waka Waka มีสีสันและสนุกสนานมากกว่าเพลง Cup Of Life ของ ริกกี้ มาร์ติน
          ฟุตบอลโลกเริ่มมีเพลงประจำการแข่งขันมาตั้งแต่ปี 1990 ที่อิตาลี ซึ่งออกตัวได้กระหน่ำก้องโลกด้วยเพลง To Be Number One ของ 2 นักร้องอิตาลี เอโดอาร์โด้ เบนนาโต้ และ จานน่า นานนินี่ ต่อมาในฟุตบอล 1994 ที่สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพ เพลงธีมคือ Glory Land ของ ดารีล ฮอลล์ หนึ่งในวงดูโอ ดารีล ฮอลล์ & จอห์นโอตส์ แต่ปรากฏว่าเพลงไม่เป็นที่ฮือฮามากนัก
          จนมาถึงศึกฟรองซ์ 98 เพลง Cup Of Life ของ ริกกี้ มาร์ติน ก็ดังระเบิดติดหูคนฟังทั้งที่เป็นคอบอลและนักฟังเพลงทั่วไป จนถูกยกให้เป็นเพลงประจำตัวของริกกี้ไปโดยปริยาย แต่พอมาถึงฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพร่วม เพลง Boom ของอนาสตาเซีย กลับได้รับการตอบรับอย่างเงียบเหงาที่สุดก็ว่าได้ กระทั่งปี 2006 ที่เยอรมนี เพลง Celebraye The Day ของ แฮร์เบิร์ต โกรเนอเมเยอร์ และ อมาดู บากาโยโก้ ก็กลับมาสร้างสีสันให้ฟุตบอลโลกอีกครั้ง โดยเฉพาะท่อน โอ่เลโอเล้ โอ่เล ที่ลูกเด็กเล็กแดงร้องตามกันไปถึงสิ้นปี
          นอกจากเพลงแล้ว ที่ขาดไม่ได้ในศึกฟุตบอลโลก ก็คือ บรรดาสาวงามที่รวมถึงหวานใจของบรรดานักเตะ ที่สวมเสื้อทีมชาติออกมาสร้างสีสันตระการตา หนังสือพิมพ์เดอะซันของอังกฤษ ได้จัดอันดับ WAGS หรือ Wives And Girlfriends ของบรรดานักเตะครั้งล่าสุด ซึ่งปรากฏว่า เชอรีล โคล นักร้องสาวสวยแอนด์เซ็กซี่ และอดีตภรรยาของ แอชลีย์ โคล แบ็กซ้ายทีมชาติอังกฤษ ครองอันดับหนึ่งด้วยคะแนนสูงลิ่วถึง 31,100,100 คะแนน ตามด้วยอันดับ 2 วิคตอเรีย เบคแคม เจ้าเก่า ที่ได้ไป 9,110,000 คะแนน ถึงแม้ว่าเดวิด เบคแฮม สามีรูปหล่อจะไม่ได้ร่วมลงทำศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้เพราะบาดเจ็บจากการผ่าตัดเอ็นร้อยหวายก็ตาม อันดับ 3 ได้แก่ ผู้ประกาศข่าวกีฬาคนสวย ซาร่า คาร์โบ-เนโร ที่ได้คะแนนโหวตจากแฟนๆไปถึง 2,330,000 คะแนน ในฐานะแฟนสาวของ อีเกร์ กาซิยาส นายทวารเรอัล มาดริดและทีมชาติสเปน

          "เวิลด์คัพมาเนีย" ไม่ได้กระพืออยู่แค่ชาวบ้านอย่างเราๆเท่านั้น แต่บรรดาเซเลบหรือกระทั่งผู้นำประเทศทั่วโลกต่างก็อดไม่ได้ที่จะร่วมวงไปกับกระแสระดับโลกนี้ “เฟดเอ็กซ์" โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นักเทนนิสหนุ่มชาวสวิส ประกาศก้องว่าปีนี้เขาเชียร์ทั้งทีม “แดนนาฬิกา" สวิตเซอร์แลนด์ และ “บาฟานา บาฟานา" แอฟริกาใต้ นั่นก็เพราะเฟดเอ็กซ์มีคุณแม่เป็นคนแอฟริกาใต้ แต่ไปเกิดที่เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในฝั่งผู้นำระดับโลกอย่างประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่แม้กำลังเหนื่อยใจกับการวิ่งรอกแก้ปัญหาน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโก แต่ในระหว่างการประชุมหารือร่วมกับเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษอยู่นั้น ผู้นำทั้งสองยังอดไม่ได้ที่เลี้ยวมาคุยเรื่องฟุตบอลโลก โดยต่างคนต่างเชียร์ทีมชาติของตนเอง ไม่เว้นแม้แต่ท่านนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะของเราที่เปรยว่า ปีนี้ท่านเชียร์ทีมอาร์เจนตินา เพราะมีนักเตะจากทีมนิวคาสเซิล เมืองเกิดของท่านนายกฯ อยู่ในทีมชาตินี้ถึง 2 คน ..ออกอาการฟีเวอร์กันขนาดนี้ คงไม่เกินไปหรอกหากจะบอกว่า ว.ค.ฉ (เวิลด์คัพฉกหัวใจ) กำลังกระชับพื้นที่หัวใจชาวไทยและคนทั้งโลกจนยากที่จะดิ้นหลุด ไม่ว่าการถ่ายทอดสดจะดึกดื่นแค่ไหนก็ขออยู่ลุ้นทีมโปรดให้เตะลูกกลมๆเข้าไปตุงตาข่ายให้จงได้ และเทศกาลแห่งความหฤหรรษ์ที่สามารถรวมใจคนทั้งโลกได้นี้จะยาวไปจนถึงวันที่ 11 กรกฎาคม กว่าที่แฟนบอลจะขอพื้นคืนพื้นที่หัวใจจาก ว.ค.ฉ.ได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ