สปกช.วางเป้าปฏิรูปเกษตรกร,"นพ.ประเวศ"แนะภาคธุรกิจดูแลภาคเกษตรมากขึ้น

ข่าวทั่วไป Friday June 18, 2010 12:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจิตติ มงคลชัยอรัญญา อดีตคณบดีคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในนามสำนักงานส่งเสริมการปฏิรูประบบเพื่อคุณภาพชีวิตเกษตรกรชุมชนและสังคม(สปกช.)วางเป้าปฏิรูปชีวิตเกษตรกรโดยการจัดตั้งองค์กรอิสระขับเคลื่อนการทำงาน

พร้อมทั้งกำหนด เป้าหมายการจัดทำแผนให้มีการขับเคลื่อนต่อไปภายใน 5 ปีข้างหน้าให้ได้ 3 องค์ประกอบ คือ 1.พิมพ์เขียวการพัฒนา 2.กลไก/องค์กรอิสระ เพื่อช่วยในการปฏิรูป ทำหน้าที่ได้ต่อเนื่อง ทำหน้าที่ขับเคลื่อน โดยการพัฒนาความรู้เพื่อการปฏิรูประบบ ประสานเครือข่าย ขับเคลื่อนสังคมและนโยบาย และ 3.การจัดตั้งกองทุน สำหรับการพัฒนาเกษตรกร โดยการเก็บภาษีจากการนำเข้าปุ๋ยเคมี หรือสินค้าส่งออก

“พิมพ์เขียวปฏิรูประบบฯ จะต้องมีระบบย่อยที่เชื่อมโยงกับชุมชน สังคม และทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งจากการที่เอาเงินเป็นตัวตั้ง ทำให้วัฒนธรรมของการปลูกพืช ขัดแย้งกัน ดังนั้น จะต้องเน้นช่วยจัดการให้เกษตรกรต้องอยู่ในการอยู่ร่วม เอกภาพ อธิปไตย จากวัฒนธรรมการเมืองของแต่ละชุมชน หากไม่คำนึงการส่งเสริมก็จะไม่ประสบความสำเร็จ"นายจิตติ กล่าว

นอกจากนี้ นายจิตติ ยังกล่าวถึงฐานความคิดในการสร้างแผนปฏิรูประบบเกษตรกรว่า เกิดจากความไม่เป็นธรรมในสังคมเกี่ยวกับชีวิตเกษตรกร ที่มีอยู่ 16 ล้านคนในประเทศ และในปี 2551 สามารถผลิตส่งออก มากเป็นอันดับ 7 ของโลก แต่ประชากรกว่า 10.7 ล้านคน ขาดความมั่นคงทางอาหาร และมีคนที่บริโภคอาหารเกินความจำเป็นกว่า 10 ล้าน คน แสดงให้เห็นถึงปัญหาด้านเกษตรกรรมที่เชื่อมโยงไปยังเรื่องของอาหาร อีกทั้งปัญหาหนี้สินของเกษตรกร ไร้ที่ทำกิน และการมองตนเองว่า ต่ำต้อย ไม่มีศักดิ์ศรี และขาดความภาคภูมิใจในตนเอง

ด้านนพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวว่า การสร้างพลังชุมชนเชื่อมโยง ความรู้ ชุมชน อำนาจรัฐ เพื่อช่วยให้การปฏิรูปประเทศไทยในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม มี 3 วิธี คือ 1.ปฏิรูปที่ดินทำกินของเกษตรกรอย่างจริงจัง 2.กลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ต้องปรับการดูแลเกษตรกร และ 3.ควรจัดตั้งศูนย์ประสานการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนให้มีทั่วทุกจังหวัด โดยให้เป็นหน่วยงานอิสระของรัฐอย่างเป็นรูปธรรมด้วย ซึ่งหากอาศัยช่วงกระแสการปฏิรูปประเทศไทยในการผลักดันจากภาคประชาชน จะช่วยแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินได้อย่างเป็นรูปธรรมจากภาคประชาชนมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ