อธิบดีกรมปศุสัตว์ ยืนยันผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบเชื้อโรคไข้หวัดนกในเป็ดไล่ทุ่งที่ตายเกือบ 2,000 ตัว ที่ จ.พิษณุโลก แต่สั่งการให้สัตวแพทย์ดำเนินการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคบริเวณที่เลี้ยงและกักรักษา ให้ยาวิตามินเป็ดที่ยังเหลืออยู่เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน พร้อมเก็บตัวอย่างน้ำ ดิน ตรวจสอบหาสารพิษ และยาฆ่าแมลงต่อไป
"ได้ส่งซากเป็ดที่ตายไปตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ ภาคเหนือ ตอนล่าง(จ.พิษณุโลก) ซึ่งผลการตรวจยืนยันไม่พบโรคไข้หวัดนก และโรคระบาดอื่นแต่อย่างใด" นายปรีชา สมบูรณ์ประเสริฐ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ระบุในเว็บไซต์
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.53 มีรายงานข่าวพบเป็ดตายที่ อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ซึ่งกรมปศุสัตว์ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า เป็ดที่ตายเป็นของเกษตรกรในหมู่ที่ 2 ต.เนินกุ่ม อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก เลี้ยงไว้ประมาณ 5,000 ตัว อายุประมาณ 2 เดือน โดยเลี้ยงในลักษณะไล่ทุ่ง ซึ่งที่ผ่านมามีอากาศร้อน และแล้งอย่างมาก โดยในวันที่ 1 มิ.ย.53 ได้ย้ายเป็ดไปหาน้ำกินตามทุ่งนา หลังจากนั้นเป็ดแสดงอาการซึม ไม่มีแรง นอนหมอบ และทยอยตายสะสม 2,000 ตัว ในช่วงเวลา 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นเกษตรกรจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ทราบในวันที่ 8 มิ.ย.53 ซึ่งสัตวแพทย์ได้ตรวจดูอาการเบื้องต้นไม่เข้าลักษณะอาการของโรคไข้หวัดนก
อย่างไรก็ตาม สัตวแพทย์กรมปศุสัตว์ได้ให้กักรักษาเป็ดที่ยังคงเหลืออยู่ โดยใช้ยาปฏิชีวนะและวิตามินเพื่อป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณที่เลี้ยง หากมีป่วยตายฝังกลบทันที ซึ่งปัจจุบันไม่มีการป่วยและตายเพิ่ม และยังตามเก็บตัวอย่างน้ำและดินบริเวณที่เป็ดหากิน เพื่อตรวจสอบหาสารพิษ ยาฆ่าแมลงต่อไป
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันเกิดภัยแล้งขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางตอนบน ซึ่งเป็นแหล่งของการเลี้ยงเป็ดที่มีลักษณะไล่ทุ่ง หากินหอย ข้าวตกตามทุ่งนา ซึ่งจำเป็นต้องมีน้ำเพื่อการดำรงชีพ ภัยแล้งจึงก่อให้เกิดปัญหาการหากินของเป็ดไล่ทุ่งได้ ดังนั้นจึงขอให้เกษตรกรผู้เลี้ยงเป็ดหาแหล่งเลี้ยงที่มีน้ำเพียงพอหรือเลี้ยงในเล้า โรงเรือนที่หาอาหารและน้ำให้กินได้ ตลอดจนเลี้ยงและจัดการให้เป็ดมีสุขภาพดี ทำวัคซีนป้องกันโรคตามโปรแกรมที่กำหนด ให้กินวิตามินและเกลือแร่เพื่อเสริมความแข็งแรงและต้านทานต่อโรค หากพบเป็ดป่วยตายให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์เพื่อเข้าให้การช่วยเหลือโดยเร็ว