ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า พายุลูกแรกในฤดูพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกปีนี้จะเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเม็กซิโกในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมันของบริษัท บีพี
รายงานของศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐระบุว่า พายุลูกแรกที่ก่อตัวขึ้นในทะเลแคริบเบียนกำลังเคลื่อนตัวไปทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของอ่าวเม็กซิโกด้วยความเร็ว 10 ไมล์ต่อชั่วโมง ทำให้เกิดฝนตกหนักในสาธารณรัฐโดมินิกัน เฮติ จาไมก้า และคิวบา
จิม รอยเลอร์ นักอุตุนิยมวิทยาของ Planalytics Inc. ในรัฐเพนซิลวาเนีย คาดว่า พายุจะทวีความรุนแรงจนกลายเป็นพายุโซนร้อนภายในปลายสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่อ่าวเม็กซิโก และคาดว่าความรุนแรงของพายุจะส่งผลกระทบต่อปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมันรั่วไหลของบีพี
นักอุตุนิยมวิทยาหลายคนคาดว่า ฤดูพายุเฮอริเคนปีนี้ ซึ่งเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายนไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน อาจเป็นปีที่มีพายุเฮอริเคนก่อตัวขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และอาจจะส่งผลกระทบต่อความพยายามของบีพีในการกำจัดคราบน้ำมันที่รั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโก โดย AccuWeather Inc คาดว่า จะมีพายุที่เคลื่อนตัวอยู่ในอ่าวเม็กซิโกอย่างน้อย 3 ลูกที่ส่งผลกระทบต่อปฏิบัติการขจัดคราบน้ำมันของบีพี
สำนักงานสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐ (NOAA) คาดว่า ฤดูพายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกปีนี้จะมีพายุราว 14-23 ลูกมีแนวโน้มทวีความรุนแรงจนกลายเป็นเฮอริเคน และคาดว่าจะมีพายุเฮอริเคนก่อตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2548 ซึ่งเป็นปีที่พายุเฮอริเคนแคทรินา และริต้า กระหน่ำชายฝั่งสหรัฐจนส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการผลิตน้ำมัน