นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า รัฐบาลหนักใจกับปัญหาการจ่ายชดเชยของบริษัทประกันภัยให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมทางการเมืองมาโดยตลอด เพราะรัฐไม่เพียงแต่ต้องดูแลเฉพาะในแง่ของประกันภัยเท่านั้น แต่จะต้องดูแลมาตรการชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสต๊อกสินค้าที่ยังเป็นปัญหาค่อนข้างมาก
"ต้องพูดตามตรงว่าปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นจากบริษัทในต่างประเทศที่จะไม่จ่ายเงินหากเป็นเรื่องการก่อการร้าย ซึ่งต้องเรียนว่าไม่แน่ใจว่าการดำเนินการต่าง ๆ ของเราจะมีผลแค่ไหน เพราะสุดท้ายแล้วบริษัทประกันภัยในต่างประเทศก็จะบอกให้รอศาลตัดสิน ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของผู้เกี่ยวข้องที่ขอให้รัฐบาลพูดได้ไหมว่าไม่ใช่การก่อการร้าย ก็ขอเรียนว่าต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง"นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังหารือกับนายสัก กอแสงเรือง นายกสภาทนายความแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการบริหารสภาทนายความฯ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในความเห็นส่วนตัวแล้วคิดว่ากรณีเซ็นเตอร์วันมีความก้ำกึ่งที่สุด ขณะที่สยามและเซ็นทรัลลเวิลด์ ดูอย่างไรก็ไม่ใช่การจลาจล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้พยายามแก้ไขปัญหาและหาทางทำให้บริษัทประกันภัยจ่ายเงินให้ผู้เสียหายให้ได้ แต่เป็นการยากที่จะให้เราไปชี้ว่าเป็นการก่อการร้ายหรือไม่
สำหรับกรณีของตัวแทนสภาทนายความที่เข้ามาหารือการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน พร้อมขอความสนับสนุนการดำเนินงานจากรัฐบาลนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอให้ทางสภาทนายความฯ พยายามประสานงานมาที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพราะบางครั้งการช่วยเหลือมีความยากอยู่บ้าง ขอให้ช่วยในจุดที่มีความชัดเจนเพื่อให้ดำเนินการได้ง่ายขึ้น เช่น กรณีร้านค้าไฟไหม้ ทรัพย์สินถูกทำลาย ตกงาน ต้องปิดกิจการช่วงการชุมนุม
ส่วนกรณีที่สภาทนายความขอความสนับสนุนงบประมาณดำเนินการเพิ่มเติมจากภาครัฐ นายกฯ กล่าวว่าได้ทราบถึงปัญหานี้อยู่ โดยในช่วงนี้จะมีงบประมาณ 2 ส่วนที่สำคัญ คือ 1.งบไทยเข้มแข็งที่จะต้องรอผลการพิจารณาจากคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการก่อน 2. การแปรญัตติ ที่จะกลับมาที่คณะรัฐมนตรีหรือคณะกรรมาธิการในเร็ว ๆ นี้ หากไม่ผ่านการพิจารณาจากทั้งสองส่วนนี้ก็จะกลับมาที่งบกลาง ซึ่งจะได้พิจารณาเรื่องงบประมาณให้หลังเดือนตุลาคม 53 นี้ เพราะงบกลางที่มีอยู่ขณะนี้มีน้อยมาก