นายยุคล ลิ้มแหลมทอง ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกันนายมาร์เคียน ชูชุก เอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย ว่า ประเด็นสำคัญที่มีการหารือร่วมกันในครั้งนี้จะเน้นในส่วนของความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะด้านการพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตร ซึ่งประเทศยูเครนมีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับวิศวกรรมทางการเกษตร เช่น เทคโนโลยีที่ใช้ลมเพื่อผลิตเป็นพลังงาน และไบโอดีเซล เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ประเทศยูเครนยังได้แสดงความสนใจเรื่องการลงทุนในประเทศไทยเกี่ยวกับเครื่องจักรกลการเกษตรอีกด้วย แต่ในเบื้องต้น ได้หารือร่วมกันที่จะเป็นในรูปแบบการสร้างความร่วมมือกัน โดยการยกร่างบันทึกความร่วมมือระหว่างสองประเทศ (MOU) ซึ่งจะมีการประสานงานกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
นอกจากนี้ ประเทศยูเครนยังได้แสดงความสนใจนำเข้าอ้อยจากประเทศไทย เนื่องจากยูเครนไม่มีวัตถุดิบเพื่อนำไปผลิตเป็นน้ำตาลทรายแดงอีกด้วย
นายยุคล กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับข้อมูลเฉพาะของประเทศยูเครนนั้นโดยส่วนใหญ่สภาพดินกว่า 25% จะเป็นดินดำ และเป็นประเทศที่ผลิตเมล็ดพันธุ์พืชที่ใหญ่ที่สุด โดยปริมาณการส่งออกเมล็ดพันธุ์พืช ระหว่างปี 2008-2009 ยูเครนได้ส่งออกเมล็ดพันธุ์ ประมาณ 25 ล้านตัน คิดเป็นอันดับ 3 และตั้งแต่ปี 2008-2010 ส่งออกไปแล้วประมาณเกือบ 20 ล้านตัน
ขณะเดียวกัน ประเทศยูเครนยังมีอุตสาหกรรมชั้นนำที่ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร เช่น เครื่องโรยเมล็ดพันธุ์ เป็นต้น ดังนั้น หากมีความร่วมมือระหว่างสองประเทศเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องจักรกลทางด้านการเกษตร ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเกษตรกรของไทยอีกทางหนึ่งด้วยเช่นกัน