สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต เปิดเผยถึงผลสำรวจเรื่อง "ประชาชนคิดอย่างไรกับระเบิดหน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ" พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ถึง 53.40% มองว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ ต้องการทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน รองลงมา 20.58% มองว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจ ท้าทายอำนาจรัฐ และอันดับสาม 13.95% ไม่อยากเห็นเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องต้องบาดเจ็บล้มตาย
ทั้งนี้ประชาชนส่วนใหญ่ถึง 85.18% เชื่อว่า เหตุระเบิดดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ยังไม่สงบลง อีกทั้งที่เกิดเหตุระเบิดยังเป็นย่านธุรกิจสำคัญและเคยเป็นพื้นที่ชุมนุมทางการเมือง มีเพียง 3.70% ที่มองว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะเชื่อว่าอาจมีสาเหตุมาจากเรื่องอื่น ไม่ควรโยงเข้าไปเกี่ยวกับการเมือง ขณะที่อีก 11.12% ระบุว่าไม่แน่ใจ เพราะควรรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริงก่อน
จากเหตุการณ์ระเบิดหน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ 47.06% ต้องการให้ขยายเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อความสะดวกในการป้องกัน ควบคุม ดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเห็นว่าสถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ ส่วน 29.42% ยังไม่แน่ใจ เพราะขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์ของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนอีก 23.52% ไม่ต้องการขยายเวลา เพราะหากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มกำลังและเข้มงวดกวดขันมากขึ้นก็ไม่จำเป็นต้องขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
นอกจากนี้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่า รัฐบาลควรคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่กทม. เพราะทำให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจ ปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ไม่หวังดีไม่สามารถก่อเหตุได้ง่าย ขณะเดียวกันประชาชนส่วนใหญ่ เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ เพราะที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้
สำหรับแนวทาง 3 อันดับแรกที่ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลควรป้องกันหรือแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ อันดับแรก เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบตามจุดสำคัญๆ อันดับสอง ขอความร่วมมือจากประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาเมื่อพบเจอสิ่งผิดปกติ รีบแจ้งทันที และอันดับสาม ด้านการข่าว/หน่วยข่าวกรองต้องตรวจสอบหรือเช็คข่าวให้มากขึ้น
ผลการสำรวจดังกล่าว มาจากความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพฯ จำนวน 1,304 คน ระหว่างวันที่ 26-27 กรกฎาคม 2553