นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงเกษตรฯ ได้เร่งรัดดำเนินการโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งเป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการเร่งลงทุนเพื่อการพัฒนาประเทศและการพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำและการชลประทาน เพื่อให้เกิดผลในเชิงกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจัดทำโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร เป็นการเน้นในด้านการเร่งรัดการจัดหาแหล่งน้ำให้ทั่วถึงและเพียงพอ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรน้ำเพื่อการผลิตทางการเกษตร การส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากน้ำให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับชนิดพืช และการขยายระบบการกระจายน้ำในพื้นที่ชลประทานให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มศักยภาพ
ทั้งนี้ การดำเนินการได้มีการตั้งคณะกรรมการดำเนินงานโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งมีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน เพื่อให้เกิดการบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างเป็นรูปธรรม ในการกำหนดแนวทางพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรที่ตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลที่จะส่งผลให้เกิดประโยชน์กับเกษตรกรโดยตรง อาทิ การเพิ่มพื้นที่เพาะปลูก การพัฒนาการผลิต การเพิ่มผลผลิตที่จะนำไปสู่ความเข้มแข็งของเกษตรกร
ดังนั้น เพื่อให้การพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีข้อมูลที่สามารถใช้วางแผนได้อย่างชัดเจน ถูกต้อง และแม่นยำ ในเชิงลึก กระทรวงเกษตรฯ จึงได้ดำเนินโครงการฯ โดยมุ่งเน้นการทำงานเชิงบูรณาการของหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมกับทุกภาคส่วน โดยคำนึงถึงศักยภาพพื้นที่ ความต้องการของชุมชนและเกษตรกรแต่ละพื้นที่เป็นสำคัญ โดยใช้พื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาแหล่งน้ำเป็นศูนย์กลาง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ด้านการผลิต การเพิ่มมูลค่า การตลาด และการบริหารจัดการให้เป็นไปอย่างมีเอกภาพ โดยมีคณะอนุกรรมการบูรณาการแผนปฏิบัติการพัฒนาด้านการเกษตรระดับจังหวัดเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนแผนดังกล่าว
การดำเนินงานจะประกอบด้วย 1.การคัดเลือกสำรวจข้อมูลพื้นที่เป้าหมายที่เหมาะสมทั้งเชิงโครงสร้างและรายสินค้าอย่างน้อยจังหวัดละ 1 พื้นที่โครงการ โดยมีการสำรวจครัวเรือนเกษตรกร และจัดเก็บข้อมูลเกษตรกรในพื้นที่เป้าหมาย 2.การจัดทำเวทีประชาคมเพื่อสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมในชุมชน เพื่อสรุปแนวทางการดำเนินงานร่วมกัน ทั้งในด้านแผนงาน โครงการ กิจกรรม และงบประมาณ ให้สอดคล้องกับความต้องการของชุมชน และสินค้าที่มีศักยภาพทางการตลาด 3.การนำแผนบูรณาการสู่การปฏิบัติในพื้นที่ โดยเน้นให้มีการสื่อสารการปฏิบัติงานตามแผนงานบูรณาการในทุกระดับเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยง และเป็นไปในทิศทางเดียวกันตามปฏิทินการปฏิบัติงาน 4.การติดตาม ประเมินผลและรายงานแผนบูรณาการ ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ จะต้องรายงานผลการดำเนินงานตามแผนบูรณาการฯต่อผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรฯ ที่รับผิดชอบพื้นที่ และปลัดกระทรวงเกษตรฯ เป็นรายเดือน
นายธีระ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงเกษตรฯ ได้มอบหมายให้แต่ละจังหวัดจัดทำแผนเบื้องต้นในการปฏิบัติการพัฒนาด้านการเกษตรระดับจังหวัด และให้มีการรายงานกลับมายังกระทรวงเกษตรฯ ภายในวันที่ 20 สิงหาคม 2553 นี้ รวมทั้งได้จัดทำคู่มือแผนบูรณาการพัฒนาการเกษตรภายใต้พื้นที่โครงการพัฒนาระบบการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรระดับจังหวัด เพื่อให้แต่ละจังหวัดใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติแผนบูรณาการพัฒนาการเกษตร ภายใต้พื้นที่โครงการพัฒนาระบบการบริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรระดับจังหวัดโดยเร็วต่อไป ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2554 คือตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตามในปีพ.ศ. 2553 นี้ กระทรวงเกษตรฯ ได้พิจารณาเห็นชอบให้เริ่มดำเนินการในพื้นที่นำร่องเขต 3 ได้แก่จังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก สมุทรปราการ และเขต 9 ได้แก่จังหวัด ระยอง ชลบุรี จันทบุรี ตราด ซึ่งครอบคลุมภาคตะวันออกทั้ง 9 จังหวัด ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของนายจักรี สุจริตธรรม ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งจะได้มีการนำเสนอแผนดำเนินการดังกล่าวต่อที่ประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเกษตรฯเพื่อทราบแล้วเช่นกัน