สนง.คุ้มครองสิ่งแวดล้อมสหรัฐชี้เหตุน้ำมันรั่วบีพีถือเป็นหายนะจากอุบัติเหตุที่ร้ายแรงที่สุดในโลก

ข่าวต่างประเทศ Tuesday August 3, 2010 15:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐ เปิดเผยในรายงานการประเมินเหตุการณ์น้ำมันรั่วครั้งล่าสุดว่า เหตุการณ์น้ำมันรั่วจากบ่อมาคอนโดของบริษัท บีพี พีแอลซี กลายเป็นอุบัติเหตุที่ส่งผลให้เกิดหายนะด้านการรั่วไหลของน้ำมันนอกชายฝั่งครั้งใหญ่ที่สุดในโลก เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้น้ำมันดิบไหลงสู่เม็กซิโกแล้ว 4.1 ล้านบาร์เรลในช่วงก่อนที่ทางบริษัทจะดำเนินการปิดบ่อน้ำมัน

จากสถิติของสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐ ระบุว่า น้ำมันดิบที่รั่วไหลจากบ่อมาคอนโดของบีพีมีปริมาณมากกว่า ปริมาณน้ำมัน 3.3 ล้านบาร์เรลที่สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งสวิตเซอร์แลนด์เคยประมาณไว้เมื่อครั้งที่เกิดเหตุระเบิดที่บ่อน้ำมัน Ixtoc-1 ในอ่าวแคมเปเชของเม็กซิโกเมื่อปี 2522

ไอรา เลเฟอร์ แห่งจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย และเป็นหนึ่งในทีมนักวิทยาศาสตร์ของสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐ กล่าวว่า การประมาณการณ์ของสำนักงานฯถือเป็นตัวเลขที่ผ่านการคำนวณมาอย่างถ้วนถี่แล้ว

ข้อมูลดังกล่าวจะถูกนำไปเป็นหลักฐานในการพิจารณาลงโทษบีพี เนื่องจากกฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐกำหนดไว้ว่าบริษัทพลังงานที่เป็นต้นเหตุของน้ำมันรั่วไหลลงสู่มหาสมุทรจะต้องถูกเปรียบเทียบปรับเป็นเงินต่อบาร์เรล โดยนายเอ็ดเวิร์ด มาร์คีย์ ส.ส.รัฐแมสซาชูเซตส์ สังกัดพรรคเดโมแครต ประเมินว่า บีพีจะถูกปรับอย่างน้อย 1,100 ดอลลาร์/บาร์เรล และอาจมากที่สุดถึง 4,300 ดอลลาร์/บาร์เรล ภายใต้กฎหมาย Clean Water Act แห่งสหรัฐอเมริกา หากศาลพิสูจน์ได้ว่าเป็นการกระทำโดยประมาท ซึ่งเท่ากับว่า บีพีอาจถูกเปรียบเทียบปรับเป็นเงินสูงถึง 4.5 พันล้านดอลลาร์ ถึง 1.76 หมื่นล้านดอลลาร์

เหตุการณ์ระเบิดที่บ่อน้ำมันมาคอนโดในช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้พนักงานบีพีเสียชีวิต 11 คน และทำให้แท่นขุดเจาะ Deepwater Horizon ได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้ ซึ่งภัยพิบัติร้ายแรงในครั้งนี้ส่งผลให้บีพีขาดทุนถึง 1.72 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ปีนี้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่สามารถทำกำไรได้ 4.39 พันล้านดอลลาร์ และยังกดดันให้นายโทนี่ เฮย์เวิร์ด ซีอีโอของบีพีตัดสินใจลาออกเพื่อเปิดทางให้นายโรเบิร์ต ดัลลีย์ เข้ามารับตำแหน่งแทน

ส่วนความคืบหน้าในการแก้ปัญหาน้ำมันรั่วนั้น ล่าสุดมีรายงานว่า บีพีได้เลื่อนการทดสอบครั้งสำคัญก่อนอุดบ่อน้ำมันขั้นสุดท้าย หลังพบรอยรั่วขนาดเล็กที่ฝาครอบบ่อน้ำมัน โดยเดิมทีบีพีวางแผนว่าจะเริ่มใช้วิธี "static kill" ในการอุดรอยรั่วอย่างถาวรในวันนี้ หลังเสร็จสิ้นการทดสอบครั้งสำคัญที่เรียกว่า "injectivity test" เพื่อทดสอบว่าวิธีการอุดรอยรั่วดังกล่าวได้ผลหรือไม่


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ