กรุงเทพโพลล์ ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์เรื่อง "พ.ร.บ.งบประมาณปี 54 : หนี้สิน VS รัฐสวัสดิการ" พบว่า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ถึง 85.1% เห็นด้วยที่รัฐบาลจะดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุล แต่ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เห็นว่าระดับการขาดดุลต่อ GDP ควรน้อยกว่า 4.1% ต่อ GDP(ซึ่งเป็นระดับที่รัฐบาลเสนอให้สภาฯ พิจารณา)
ส่วนความเห็นเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีนั้น นักเศรษฐศาสตร์ครึ่งหนึ่ง เชื่อว่ารัฐบาลจะจัดเก็บได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่อีก 21.6% เชื่อว่าจะจัดเก็บได้น้อยกว่าเป้าหมายที่วางไว้
ส่วนประเด็นเรื่องระดับหนี้สาธารณะต่อ GDP ที่ปัจจุบันอยู่ในระดับ 42.6% ของ GDP นั้น นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ 58.1% เชื่อว่ายังเป็นระดับไม่น่าเป็นห่วงและสามารถบริหารจัดการได้ และเมื่อถามความเห็นเกี่ยวกับนโยบายงบประมาณของรัฐบาล นักเศรษฐศาสตร์ 35.1% เชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถดำเนินนโยบายงบประมาณแบบสมดุลได้ภายใน 5 ปี (ภายในปี 58) ขณะที่ 33.8% เชื่อว่าจะสามารถดำเนินนโยบายงบประมาณแบบสมดุลได้ภายใน 5-10 ปี (ปี 59-63)
สำหรับประเด็น การวางแผนจัดหารายได้เพื่อรองรับกับสังคมผู้สูงอายุซึ่งเป็นสังคมที่รัฐบาลจะต้องมีรายจ่ายด้านสวัสดิการต่างๆ สำหรับคนกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้นั้น นักเศรษฐศาสตร์ 71.6% มองว่ารัฐบาลยังขาดการเตรียมพร้อมในเรื่องดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังได้เสนอแนะแนวทางในการปรับเพิ่มการจัดเก็บรายได้เพื่อรองรับการนำแนวทางรัฐสวัสดิการมาใช้ โดยนักเศรษฐศาสตร์ 38.1% สนับสนุนให้รัฐบาลเดินหน้าจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง, ภาษีมรดก เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม
ส่วนอีก 20.5% เสนอให้ขยายฐานภาษีให้ครอบคลุมทุกคน โดยเฉพาะเกษตรกร คนใช้แรงงาน โดยเสนอให้รัฐนำสวัสดิการที่ประชาชนจะได้รับมาเป็นสิ่งจูงใจให้คนเข้ามาอยู่ในระบบภาษีมากขึ้น ส่วนอีก 18.2% เสนอให้เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี ระบบการจัดเก็บภาษี รวมไปถึงการใช้จ่ายเงินภาษีที่รัฐบาลควรดำเนินการโดยคำนึงถึงหลักธรรมาภิบาลไปพร้อมๆ กัน
อนึ่ง ผลสำรวจดังกล่าว มาจากความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานด้านการวิเคราะห์ วิจัยเศรษฐกิจระดับชั้นนำของประเทศ 24 แห่ง โดยเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 5-9 ส.ค.53