ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน ระบุว่า ปัจจุบันปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งเป็น 2 เขื่อนหลักของลุ่มน้ำเจ้าพระยา อย่างต่อเนื่อง คาดว่าเมื่อสิ้นสุดฤดูฝนที่เหลืออีกกว่า 1 เดือนข้างหน้า เขื่อนทั้ง 2 แห่งจะสามารถเก็บน้ำและสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งหน้าที่จะถึงนี้ได้อย่างเพียงพอ
สำหรับสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ณ วันที่ 16 ก.ย. 53 มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 42,366 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 61 ของความจุ ยังสามารถรองรับปริมาณน้ำในช่วงฤดูฝนปีนี้ได้อีกกว่า 27,000 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆ มีดังนี้ ภาคเหนือ อ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่มีน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 5,586 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 41 ของความจุอ่างฯทั้งหมด สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 7,800 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 6,609 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 69 ของความจุอ่างฯทั้งหมด สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 2,900 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 581 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 76 ของความจุอ่างฯทั้งหมด สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 180 ล้านลูกบาศก์เมตร
สถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคอีสาน อ่างเก็บน้ำส่วนใหญ่ มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น โดยที่ เขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 111 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 94 ของความจุอ่างฯทั้งหมด สามารถรองรับน้ำได้อีก 7 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 351 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 68 ของความจุอ่างฯทั้งหมด สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 160 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 1,352 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 95 ของความจุอ่างฯทั้งหมด สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 70 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 135 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 43 ของความจุอ่างฯทั้งหมด สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 170 ล้านลูกบาศก์เมตร
ในเขตพื้นที่ภาคกลาง ปริมาณน้ำในเขื่อนต่างๆ เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 624 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 65 ของความจุอ่างฯทั้งหมด สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 330 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนกระเสียว จ.สุพรรณบุรี มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 178 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 74 ของความจุอ่างฯทั้งหมด สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 60 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 145 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 65 ของความจุอ่างฯทั้งหมด สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 70 ล้านลูกบาศก์เมตร
สำหรับปริมาณในแม่น้ำเจ้าพระยาที่เริ่มสูงขึ้นในระยะนี้ เนื่องจากมีฝนตกชุกบริเวณภาคเหนือ ทำให้ยังคงมีปริมาณน้ำไหลหลากลงสู่ตอนล่าง ซึ่งกรมชลประทาน จะใช้เขื่อนเจ้าพระยาในการบริหารจัดการน้ำหลาก โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน ยกเว้นพื้นที่ลุ่มต่ำริมฝั่งแม่น้ำบางแห่งที่อาจจะได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำล้นตลิ่งได้