"บีพี"เผยต้นทุนการแก้ปัญหาน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโกพุ่งแตะ 9.5 พันล้านดอลลาร์

ข่าวต่างประเทศ Monday September 20, 2010 08:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัทบีพีเปิดเผยว่า ต้นทุนที่ใช้ในการแก้ปัญหาน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโกในขณะนี้พุ่งขึ้นเป็น 9.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายทางด้านวิศวกรรมการควบคุมน้ำมันร่วม การปิดรอยรั่ว และการชดเชยความเสียหายให้กับประชาชนในภูมิภาคกัลฟ์โคสต์ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำมันรั่ว

นายบ็อบ ดั๊ดลีย์ ผู้บริหารบีพีคาดการณ์ว่า ต้นทุนการแก้ปัญหาน้ำมันรั่วอาจพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์

สำนักข่าวซินหัวรายงาน แท่นขุดเจาะน้ำมัน Deepwater Horizon ของบีพีเกิดระเบิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย และทำให้เกิดน้ำมันรั่วไหลครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา

มูดีส์ อนาไลติกส์ คาดการณ์ว่า เหตุการณ์น้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโกซึ่งมีสาเหตุมาจากการระเบิดที่แท่นขุดเจาะน้ำมันของบีพีอาจส่งผลให้ประชาชนในภูมิภาคกัลฟ์โคสต์ต้องตกงานถึง 17,000 ตำแหน่ง โดยรัฐหลุยเซียนาซึ่งต้องพึ่งพาการประมง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการกลั่นน้ำมัน และรัฐฟลอริด้าซึ่งต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมการท่องเทียว มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบหนักสุดจากเหตุการณ์น้ำมันรั่ว ส่วนบริเวณรอบนอกภูมิภาคกัลฟ์โคสต์ซึ่งประกอบไปด้วยรัฐสำคัญ 5 รัฐ รวมถึงเท็กซัส อลาบามา และมิสซิสซิปปี อาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไม่มากนัก

อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดระบุว่า ทีมงานวิศวกรของบริษัทบีพีสามารถปิดรอยรั่วที่บ่อน้ำมันมาคอนโดในอ่าวเม็กซิโกได้สำเร็จ ขณะที่พลเรือเอก แท็ด อัลเลน แห่งหน่วยยามฝั่งของสหรัฐ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานที่ดูแลเรื่องน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก ยืนยันว่าการทดสอบการรับน้ำหนักและแรงดันของซีเมนต์ที่อัดฉีดลงไปปิดปากบ่อน้ำมันที่รั่วไหลก้นอ่าวเม็กซิโกเสร็จสิ้นลงแล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พบว่าซีเมนต์ที่ปิดปากบ่อมีความแข็งแรงพอ จึงทำให้เชื่อมั่นว่าบ่อน้ำมันดังกล่าวถูกปิดอย่างถาวรแล้ว และไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดการรั่วไหลของน้ำมันอีกต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ