พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)ยกคณะนายตำรวจระดับสูงนับสิบคนเข้ารายงานคณะรัฐมนตรี(ครม.)กรณีเกิดเหตุระเบิดป่วนเมืองรายวันใน กทม.ท้าทาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แจงมาตรการขันน็อตบูรณาการด้านการข่าวและป้องกันเหตุ พร้อมตั้งทีมสอบสวนไล่ล่าผู้ก่อเหตุ ขณะที่รอง ผบ.ตร.ระบุพบแหล่งที่มาวัตถุประกอบระเบิด กำลังส่งเจ้าหน้าที่เข้ากดดันกลุ่มเป้าหมายอย่างหนัก
"ครม.ได้รับฟังข้อมูลก็ค่อนข้างมั่นใจ ครม.มอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งทำความเข้าใจให้ความรู้กับประชาชนในการป้องกันการก่อเหตุด้วย"พล.ต.อ.วิเชียร กล่าว
ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้รายงานกับ ครม.ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามงานด้านการข่าว โดยจะเป็นการทำงานร่วมกับฝ่ายข่าวของทางรัฐบาล พร้อมกันนั้นได้มีการตั้งชุดสืบสวนคดีระเบิด โดยมอบหมายให้พล.ต.อ.ภานุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ที่ปรึกษา(สบ10) ทำหน้าที่ รอง ผบ.ตร. ด้านการป้องกันปราบปราม และ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ร่วมกับตัวแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล เข้าไปดำเนินการติดตามด้านการข่าว และ ความคืบหน้าในคดีระเบิดต่าง ๆ
นอกจากนั้น ยังได้มีการรายงานแผนปฏิบัติการตั้งด่านสกัดและเฝ้าระวังกรณีที่อาจมีเหตุร้ายเกิดขึ้น และขอความร่วมมือกับวินมอเตอร์ไซค์และอาสาสมัครแต่ละพื้นที่ในการประสานแจ้งเบาะแสเพื่อป้องกันการก่อเหตุ พร้อมทั้งได้รับความร่วมมือจากทาง กทม.ในการเพิ่มจุดติดตั้งงกล้อง CCTV โดยจะเน้นไปยังจุดที่มีผลต่อความมั่นคงและด้านอาชญากรรมเป็นหลัก
ผบ.ตร.ยืนยันว่า หากภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้ผู้บังคับบัญชาตามจุดตรวจสกัดใด ๆ ยังไม่มีความพร้อมในการปฏิบัติการจะมีการลงโทษ นอกจากนั้นจะขอความร่วมมือสถานที่ราชการและภาคเอกชนในการร่วมกันแจ้งเบาะแสและป้องกันเหตุด้วย
ขณะที่ พล.ต.ต.ปิยะ อุฑาโย ผบก.ประจำ บช.น.ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะเข้าไปกดดันกลุ่มเป้าหมายที่อาจจะก่อเหตุเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งพล.ต.อ.ภานุพงศ์ รายงานต่อทีป่ระชุมครม.ว่าได้พบแหล่งที่มาสิ่งที่นำไปเป็นวัตถุประกอบระเบิด และอยู่ในขั้นตอนเข้าไปกดดันกลุ่มต้องสงสัย โดยจะใช้เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ
สำหรับสำนักข่าวกรองแห่งชาติจะทำงานร่วมกับตำรวจสันติบาลและ บช.น.ในการติดตามาด้านการข่าว ส่วนการเพิ่มจุด CCTV นั้นตำรวจนครบาลจะเป็นผู้กำหนดจุดเพิ่มเติม และทางกทม.ก็ให้ความร่วมมือในการเข้าไปติดตั้งเพิ่มเติมให้
หลังจากรายงานแล้ว นายกรัฐมนตรีฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มความเข้มข้นในการรักษาความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และระบุว่าหากเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการให้รัฐบาลประสานงานด้านใด ให้แจ้งเข้ามาเพื่อที่รัฐบาลจะดำเนินการให้ แต่ก็ยอมรับว่าพื้นที่มีความสุ่มเสี่ยงจะก่อเหตุเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะใช้มาตรการด้านการข่าวติดตามให้ใกล้ชิดขึ้น